เมื่อวันที่ 17 เม.ย. พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศปก.ศบค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จนถึงปัจจุบันในภาพรวมถือว่าได้รับความร่วมมือจากประชาชน และภาคเอกชนเป็นอย่างดี ในขณะที่ส่วนราชการต่างๆ ได้ทำหน้าที่อย่างแข็งขันตามนโยบายและข้อสั่งการต่างๆ ตามที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ได้มอบไว้ โดยให้ดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ตั้งแต่การเดินทาง การจัดกิจกรรมสงกรานต์ และการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์หลังสงกรานต์

พล.อ.สุพจน์ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรียังมีความห่วงใย และขอเน้นย้ำขอความร่วมมือประชาชน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและทุกภาคส่วน ขอให้ให้ความสำคัญกับช่วง 7 วันหลังเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 18-24 เม.ย.นี้ โดยขอให้ทุกคนที่ได้ร่วมกิจกรรมและเดินทางในช่วงสงกรานต์ได้เฝ้าระวังสังเกตอาการตนเองและครอบครัว รักษาระยะห่าง หากไม่มั่นใจขอให้ตรวจด้วยชุดเอทีเคด้วยตนเอง หรือขอเข้ารับการตรวจ ณ จุดบริการที่ทางราชการจัดตั้งขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน หากพบว่าติดเชื้อขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้มีการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น อย่างไรก็ตาม มาตรการที่สำคัญที่จะช่วยป้องกันได้เป็นอย่างดีคือการร่วมมือกันบริหารจัดการให้มีการทำงานที่บ้าน (เวิร์ก ฟรอม โฮม) ของทั้งส่วนราชการและภาคเอกชน ซึ่งจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดอย่างได้ผล

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการโรคติดต่อทุกจังหวัด และกรุงเทพมหานคร รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับ ให้จัดให้มีบริการการตรวจด้วยชุดเอทีเคให้ประชาชนเข้าถึงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว รวมทั้งให้กำกับแผนการยกระดับแผนการเตรียมความพร้อมรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ระดับต่างๆ ตามที่ได้เคยสั่งการไว้แล้ว ให้สามารถอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องการรับแจ้ง การคัดกรอง การบริหารจัดการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) การบริหารจัดการสถานที่กักตัวในระดับชุมชน (Community Isolation) โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนามระดับต่างๆ ตลอดจนโครงการเจอแจกจบ ที่รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ลดลงนั้น เรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามและสั่งการให้มีการเตรียมการในทุกวิถีทางมาตั้งแต่ต้น และผู้เสียชีวิตร้อยละ 90 ยังคงเป็นกลุ่มเสี่ยง เป็นกลุ่มผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งเรื่องนี้ได้กำชับให้มีการดูแลรักษาพยาบาลอย่างเต็มความสามารถเพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วยอาการหนักมาก มีการรณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยง (กลุ่ม 608) ได้ระมัดระวังและเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคงต้องทำความเข้าใจ และรณรงค์อย่างกว้างขวางต่อไป เพื่อป้องกันให้มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 น้อยที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสื่อมวลชนทุกสาขา ช่วยการประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจและรณรงค์ให้อย่างกว้างขวางด้วย

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับสถานการณ์ในระยะต่อไป คาดว่าศบค.จะเรียกประชุมคณะกรรมการภายในสัปดาห์นี้ เพื่อรับทราบและประเมินสถานการณ์ และพิจารณาแนวทางต่างๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้จะได้มีการพิจารณาสิ่งที่ต้องเตรียมการสำหรับอนาคต ที่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการไว้คือ การเตรียมความพร้อมของการเปิดภาคเรียน และการปรับมาตรการการเข้าออกประเทศทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ รวมทั้งมาตรการต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ ให้สอดคล้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและรายได้ของประชาชน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ การประเมินสถานการณ์ในภาพรวม การประเมินความร่วมมือในการปรับตัวของประชาชนและผู้ประกอบการต่างๆ ในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค รวมทั้งการพิจารณาเงื่อนไข และความสอดคล้องที่จะนำไปสู่แผนการปรับโรคโควิด-19 ให้เป็นโรคประจำถิ่นในระยะยาวควบคู่ไปด้วย

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุม ศบค. ครั้งที่ 7/2565 จะมีขึ้นในวันที่ 22 เม.ย.นี้ เวลา 09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล