นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ ไลน์  ประเทศไทย เปิดเผยว่า วิกฤติโควิด-19 ได้กลายเป็นปัจจัยเร่งให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลากหลายกลุ่มธุรกิจประสบความลำบาก และบางธุรกิจเห็นโอกาส ได้ปรับตัวก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัล ซึ่งในส่วนของกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ก็ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง โดยธุรกิจเอสเอ็มอีถือเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย มีจำนวนมากกว่า 3 ล้านรายทั่วประเทศ  

ทั้งนี้ผลการสำรวจจาก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. เผยถึง กลุ่มธุรกิจ เอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบหนักสุดในช่วงวิกฤติโควิด-19 คือ ธุรกิจอาหาร 37% รองลงมาคือ ธุรกิจขนส่ง และค้าปลีก ในอัตราส่วนที่ลดลง 21% และ 3.7% ตามลำดับ

ในปี 64-65 ไลน์จึงมุ่งที่จะเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยองค์รวม โดยเน้นความสำคัญในส่วนกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี หลังพบว่า อัตราการเติบโตของ ไลน์ โอเอ (LINE Official Account หรือ LINE OA ) เติบโตสูงขึ้น โดยธุรกิจกลุ่มร้านอาหารมีอัตราการเปิดใช้งาน เพิ่มขึ้น (YoY) สูงสุดสุงถึง 212% รองลงมาคือธุรกิจกลุ่มค้าปลีกที่ 191% ด้วยเหตุนี้ ไลน์ ประเทศไทยจึงมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มและเครื่องมือเพื่อขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจไทยเหล่านี้โดยเฉพาะ เพื่อยกระดับการใช้งาน ไลน์ จากแค่เครื่องมือในการสื่อสาร เป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ เพื่อที่จะสามารถแข่งขันในโลกยุคหลังโควิดต่อไป

นายนรสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ไลน์ให้บริการลูกค้าธุรกิจ และ เอสเอ็มอี ภายใต้แบรนด์ LINE for Business ผ่านโซลูชั่นหลักคือ LINE OA ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนฟีเจอร์ ฟังก์ชั่นและเครื่องมือมากมายที่สามารถต่อยอดเพื่อตอบโจทย์แต่ละกลุ่มธุรกิจบนโลกออนไลน์ พร้อมการเปิด API ให้ทุกกลุ่มธุรกิจสามารถเชื่อมต่อไลน์ กับบริการของตนเองได้โดยง่าย ในประเทศไทย

กลุ่มธุรกิจอาหาร ไลน์ ประเทศไทย ออกแบบ MyRestuarant เครื่องมือช่วยเสริมประสิทธิภาพ ไลน์ โอเอ สำหรับธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยโดยเฉพาะ ในการจัดการหน้าร้าน ไปถึงการจัดการหลังร้าน การวิเคราะห์ข้อมูลจากอาหารที่สั่ง และการเชื่อมถึงการจัดส่งกับบริการ LINE Man โดยตรง

ในส่วนกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ได้ออกแบบ MyShop เครื่องมือที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพ ด้านการขายของ ที่ใช้ง่ายที่สุดเทียบเคียงกับการใช้ไลน์ ด้วยระบบหน้าร้านออนไลน์ ระบบจัดการสินค้าคงคลัง รองรับการซื้อสินค้าผ่านการพูดคุย หรือ Chat Commerce แบบเต็มรูปแบบ ระบบการชำระเงินเชื่อมต่อกับ Rabbit LINE Pay ระบบการเชื้อเชิญลูกค้ากับ LINE POINT ระบบการโฆษณากับ LINE ADS PLATFORM ระบบขนส่งสินค้ากับทุกบริษัท โดยเฉพาะ ไปรษณีย์ไทย

โดยในปีที่ผ่านมา มีร้านค้าเปิดใช้งาน MyShop เพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่า มีร้านค้าที่แอคทีฟเพิ่มขึ้นถึง 257% (เปรียบเทียบการเติบโต YoY เดือน เม.ย. ปี 2563–2564) และมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GMV) อยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท โดยธุรกิจด้านแฟชั่นและเครื่องสำอางเป็นกลุ่มสินค้าที่เปิดร้าน MyShop สูงสุด ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี แฟชั่น ไลน์ยังมีโครงการ LINE FASHION ANNUALE ที่จัดขึ้นในปีนี้ เพื่อผลักดันผู้ประกอบการไทยไปสู่เวทีโลกด้วย