เมื่อวันที่ 2 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชี้แจงกรณีที่มีการกล่าวพาดพิง ว่าเรื่องเรือดำน้ำพูดมาหลายปีท่านก็ไม่เข้าใจสักที ว่าการทำสัญญาใด ๆ ก็ตาม ต้องผ่านการเจรจาแบบรัฐต่อรัฐ จีนและการซื้ออาวุธจากประเทศจีนไม่เหมือนประเทศอื่น ประเทศจีนมีสถาบันที่มีบริษัทผลิตยุทโธปกรณ์อีกต่อหนึ่ง ซึ่งควบคุมโดยรัฐบาลจีนทั้งหมด ซึ่งทั้งหมดคือระบบการทำธุรกิจของประเทศจีน และขึ้นอยู่กับประเทศจีนที่จะให้บริษัทใดเข้ามาเจรจากับรัฐบาลไทย ทั้งนี้ สัญญาการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของแต่ละเหล่าทัพเป็นไปตามขั้นตอน ขออย่ามองว่าอย่ามีการทุจริตกัน ส่วนการจัดหายานยนต์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ของกองทัพบก รัฐมนตรีช่วยกลาโหมได้ชี้แจงไปแล้ว มีเอกสารสามารถชี้แจงได้ทุกอย่าง ยืนยันว่าไม่มีการทุจริตและตนไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรกับใคร หรือจัดคนขึ้นไปเรียกรับผลประโยชน์มาให้กับตน ซึ่งตนพยายามตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตขึ้นได้ ก็ให้ว่ากันไปตามกระบวนการของศาล ถ้าคิดว่าถ้าคิดว่ามีหลักฐานเพียงพอ ส่วนที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย บอกว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นบิดาแห่งเรือดำน้ำ ตนเห็นว่าไม่เหมาะสม เป็นเจตนาเอามาตัดต่อภาพ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อถึง เรื่องการปฏิรูปตำรวจ ที่ถามว่าต้นทำอะไรไปแล้วบ้าง ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้ละเลยและในปีที่ผ่านมาการปฏิรูปไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรได้ในคราวเดียวทั้งหมด แต่มีการทยอยทำในส่วนที่สามารถทำได้โดยมีการพยายามใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการปฏิรูปการทำงานของตำรวจในด้านต่างๆ ถ้าจะบอกว่ามีคนนั้นคนนี้ทำความผิด ถามว่าสัดส่วนของคนที่ทำความผิดกับจำนวนเจ้าหน้าที่กี่แสนคน ที่ต้องดูแลประชาชนกี่ล้านคนต้องไปดูในภาพใหญ่นี้ด้วย และ ส.ส.ปลอดภัยทุกคนที่ที่มานั่งในห้องประชุมอย่างปลอดภัย ใครดูแลท่าน ก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายความมั่นคงทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ยืนยันว่าตั้งแต่ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้วางระบบ ตั้งแต่สมัยที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการกลาโหม ที่มีหน้าที่ดูแลกำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) ก็ได้ส่งต่อมาถึงตน โดยมีการปรับตำรวจและให้มีการออกละจากราชการไม่เคยเก็บไว้ประมาณพันรายแล้ว ซึ่งมีการรายงานทุกเดือน เว้นแต่ว่ามีการปกปิด ถ้าหากพบก็จะต้องมีการลงโทษ ซึ่งก็เหมือนกับการกระทำผิดทั่วไป แต่เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก็ต้องลงโทษหนักกว่าเพื่อนเพราะสังคมให้ความสนใจมาก ยืนยันว่าตนไม่ปกป้องใครทั้งสิ้น ใครทำผิดก็ลงโทษไปกฎหมายมีทุกตัว แต่อย่าสอนให้คนไม่เคารพกฎหมายก็แล้วกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ไม่ใช่ว่าตนมาทำตรงนี้เอากฎหมายตำรวจ กฎหมายทหารมาปกป้องตัวเอง เพราะฉะนั้นใครจะมาทำอะไรเห็นก็ขู่กันเป็นประจำข้างนอก ก็ลองมาก็แล้วกันไม่ได้ท้าทาย มั่นใจว่าป้องกันตัวเองได้ เมื่อช่วงเช้าฝ่ายค้านก็บอกว่ามีม็อบไปปิดกั้นตรงดินแดงทางจะไปบ้านของตน เข้าใจอะไรผิดหรือชักชวนให้คนไม่เข้าใจหรือเปล่าหรือไม่ ตรงจุดนั้นเป็นเส้นทางคมนาคมการจราจรติดขัด ประชาชนเดือดร้อนจะไปชุมนุมกันตรงนั้นทำไม ทำไปเพื่ออะไร ตนไม่เข้าใจ จะเข้าไปจับตน เข้าไปได้หรือไม่ จะมาบอกว่าเพื่อปกป้องตนคนเดียว ตนไม่อยากพูดให้เสียอารมณ์เพราะการปฏิรูปตำรวจต้องทำอะไรอีกมากมาย เพื่อให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ฝ่ายค้านอย่ามาพูดในสิ่งที่โครงการ ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินเรื่องแห่งชาติ ทั้ง 3 โครงการยังไม่เกิดขึ้น แต่ถูกอภิปรายแล้วมองไปว่ามีการทุจริต ถ้าทุจริตก็ตรวจสอบและระงับ หากมีความผิดก็แจ้งความไปสู้คดี ไม่มีการล็อกสเปกไม่มีการทุจริตไม่เช่นนั้น ตนยืนตรงนี้ไม่ได้ ถึงแม้ไม่มีใครจับตนได้ ตนก็ไม่กล้ายืนต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศ ที่ตนยืนอยู่ได้เพราะไม่ได้เป็นเช่นนั้น
จากนั้นนายยุทธพงศ์ ลุกขึ้นประท้วงนายกฯ ที่ใช้วาจาใส่ร้ายเสียดสี เอาเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูด และบอกว่ามีกรรมาธิการงบประมาณปี 65 บางคนเรียกหน่วยงานมาพบเพื่อมาเคลียร์ นายกฯ พูดแบบนี้ ตนเสียหาย นายกฯ บอกว่าเป็นลูกผู้ชาย ชายชาติทหาร ถ้ามีหลักฐานว่าตนเรียกหน่วยงานมาพบ ก็ขอให้นายกฯ เอาตำแหน่งมาเดิมพันกับตนที่เป็น ส.ส. ถ้าท่านมีหลักฐาน ตนจะลาออกจากการเป็น ส.ส. แต่ถ้าท่านไม่มีหลักฐานต้องลาออกจากการเป็นนายกฯ
จึงทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานในที่ประชุม กล่าวเตือนว่าข้อประท้วงของนายยุทธพงศ์ฟังไม่ขึ้น นายกฯ ไม่ได้ใช้ถ้อยคำที่รุนแรงและชี้แจงตรงประเด็น จึงขอวินิจฉัยว่านายยุทธพงศ์ผิด เพราะของนายยุทธพงศ์หนักกว่า
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงต่อว่า ยืนยันว่าตนไม่ได้ใช้ความรุนแรงไม่ได้พูดจะให้ใครเสื่อมเสียทั้งสิ้น คราวหลังถ้าตนพูดอะไรอย่ารับ เพราะตนไม่ได้ระบุชื่อใครทั้งสิ้น จึงทำให้นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงด้วยเช่นกันว่า ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะว่านักการเมืองเป็นบอกคนตรม เหม็นโสโครก แต่วันนี้ท่านเป็นนักการเมืองแล้ว ส่วนที่ตนพูดว่านายกฯ ให้เงิน ส.ส. 5 ล้านบาทแลกกับการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจจากชั้น 2 ไปชั้น 3
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงทันทีว่า ประเทศจีนมีเกมเปลี่ยนหน้า แต่ประเทศไทยมีเกมเปลี่ยนหัว อย่าให้เกิดขึ้นจริงเลย สงสารประชาชน ซึ่งในศาลเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม แต่ในสภาฯ เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ใครรับหรือไม่รับเขาไม่พูดกัน ถ้าหากสมประโยชน์ และไม่ขอตอบอะไรแต่มีการกล่าวอ้างว่า มีคนมาพบตน ตนไม่ใช่คนแบบนั้น ทุกคนมาทักทาย เพราะไม่ได้เจอกัน มาคารวะมาเป็นกำลังใจให้นายกฯ ตอนไม่ทำบ้าๆ บอๆ แบบนั้นไม่ทำถุงขนมอยู่แล้ว.