ม็อบลงถนนเศรษฐกิจเจ๊ง ชาวบ้านหนีไม่พ้นรับกรรม
เกมการเมืองในเวลานี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคนไทยอย่างเดียว แต่ยังกระเทือนไปยังนักลงทุนต่างประเทศ หากสถานการณ์เลยเถิดจนถึงขนาดที่เกิด “ม็อบลงถนน” ชาวบ้านตาดำ ๆ นั่นแหละที่จะต้องรับกรรม!!
เกมการเมืองในเวลานี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคนไทยอย่างเดียว แต่ยังกระเทือนไปยังนักลงทุนต่างประเทศ หากสถานการณ์เลยเถิดจนถึงขนาดที่เกิด “ม็อบลงถนน” ชาวบ้านตาดำ ๆ นั่นแหละที่จะต้องรับกรรม!!
หลังจากปลุกกระแสเรื่อง “ลูกชิ้นยืนกิน” จ.บุรีรัมย์ เมื่อปี 64 ของ นักร้องสาวคนดังอย่าง ลิซ่า BLACKPINK หรือ ลลิษา มโนบาล ก็ทำให้กระแส “ซอฟต์พาวเวอร์” หรือ “อำนาจละมุน” ในประเทศไทย เป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก
กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์อีกครั้งกับเรื่องราวของการจัดเก็บ “ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ปี 66 ที่ผู้ว่าฯ กทม. ออกตัวแรง ขอให้รัฐบาลชุดใหม่ทบทวนการจัดเก็บภาษีนี้ ที่สำคัญยังเปรย ๆ พร้อมส่งสัญญาณให้ยกเลิก และหันกลับไปใช้ภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ดังเดิม!!!
ยังอลเวงไม่เลิก! สำหรับปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หากทุกอย่างไม่ลงตัวตามที่คาดไว้หรือลากยาวนานไปกว่านี้ อาจเกิดปัญหาตามมาให้แก้อีกสารพัด อีกหนึ่งปัญหาใหญ่คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” ที่อาจจะสะดุดแน่นอน…
22 พ.ค.นี้ จะกลายเป็นวันประวัติศาสตร์อีกครั้ง!! เพราะบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลภายใต้การนำของ “พรรคก้าวไกล” จะรวมตัวกันจดปากกาลงนามในบันทึกข้อตกลง หรือเอ็มโอยู เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจท่ามกลางพายุใหญ่ที่ยังไม่สงบ ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ “ท้าทาย” ฝีมือของรัฐบาลใหม่ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…ปัญหาเรื่องของวิกฤติการเงินในสหรัฐ ทั้งเรื่องของสถาบันการเงินในสหรัฐ “ล้ม” ที่ยังทยอยตามมาไม่หยุด แถมยังตามมาด้วยเรื่องของการเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐอีก!!
ทำเอาคนไทยทั้งประเทศช็อกกันเป็นแถว!! กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์อีกครั้ง หลังมีกระแสข่าวว่า “กรมสรรพากร” เตรียมเก็บ “ภาษี” คนไทยไปเมืองนอก โดยกำหนดอัตราภาษีการเดินทางไว้ไม่เกินครั้งละ 5,000 บาท
“ขึ้นค่าแรง” เป็นอีกหนึ่งนโยบายสำคัญที่บรรดาพรรคการเมือง ต่างหยิบยก “ตัวเลข” กันขึ้นมาประกวดประขัน เพื่อหวังแย่งชิงคะแนนเสียง ไม่น้อยไปกว่านโยบาย “แจกเงิน” ในสารพัดรูปแบบ
ในยุคที่ประชาชนคนไทยต่างก็ต้องก้มหน้ายอมรับ “บิลค่าไฟมหาโหด” ซึ่งทั้งภาคเอกชน นักวิชาการ ต่างออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาร่วมกันแก้ไขปัญหา ร่วมกับรื้อ-ปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้ากันใหม่ แต่ท้ายที่สุด…ก็ต้องมาจับตาดูกันว่า “รัฐบาล” จะกล้าพอไหม?
เทศกาลแห่งความสุข…ความสนุกสนาน จากเทศกาลสงกรานต์ ปี 66 กำลังจะหมดลงแล้ว!! ประชาชนคนไทยต้องเดินหน้าหันกลับมาเผชิญกับความเป็นจริง ทั้งการทำมาหากิน ทั้งการใช้ชีวิตให้ผ่านพ้นไปแต่ละวัน…แต่ละวัน
ทันทีที่หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ “พรรคเพื่อไทย” อย่าง “เศรษฐา ทวีสิน” ได้ออกมาประกาศนโยบายที่จะเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้คนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ก็เรียกเสียงฮือฮาจากกระแสสังคมขึ้นมาทันที!
ความหวังของการท่องเที่ยวครั้งนี้…เต็มไปด้วยอุปสรรคใหญ่ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่อง“ความปลอดภัย”ของชาวจีนที่อยู่ในไทยเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งทัวร์อั้งยี่และทัวร์ศูนย์เหรียญที่กำลังฟื้นชีพในเมืองไทยนั้นส่งผลกระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก!!
นักท่องเที่ยวจีนได้กลายเป็นความหวังของหลาย ๆ ประเทศ เช่นเดียวกับประเทศไทยที่วาดฝันว่านักท่องเที่ยวจีนจะเป็นกลไกขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง…เอาเป็นว่าแม้ในวิกฤติจะมีโอกาส แต่อย่าลืมว่าในโอกาสก็มีวิกฤติด้วยเช่นกัน!!!
ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงในการใช้ชีวิตนี้…แม้จะมีกฎหมายต่าง ๆ ออกมาป้องกัน แต่ก็ยังมีสารพัดช่องโหว่ที่ทำให้ตกเป็น ‘เหยื่อ’ แบบไม่รู้ตัว ทั้งนี้ ทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ออกคำแนะนำไว้ให้ประชาชน 3 ข้อ เพื่อให้รอดพ้นจากแก๊งมิจฉาชีพ!!
ใกล้งวดเต็มแก่!!! กับครม.นัดสุดท้ายของ “ลุงตู่” ก่อนประกาศจบเกม สำหรับโครงการออกสลากใหม่ ที่ต้องจับตาว่าโครงการนี้จะได้เดินหน้าต่อไปอย่างไม่สะดุดหรือไม่?