วันนี้ประเทศไทยกำลังป่วยหนัก?  …เป็นคำถามที่เพื่อนซึ่งทำธุรกิจส่วนตัว มีเงินทองพอสมควร ไม่เดือดร้อนจากโควิด-19 มากนัก ถามมา “คนเถรตรง” ตอบกลับไปตรงๆ ว่า “เปล่าเลย  วันนี้ประเทศไม่ได้ป่วยหนัก แต่กำลังจะตายอย่างทรมาน”

ไม่ได้จะซ้ำเติม แต่ตรงข้ามแอบเอาใจช่วยมาตลอดแบบอดทนอดกลั้น  เพราะคิดว่า เอานะลองให้โอกาสดู วันหนึ่งอาจดีขึ้น แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย มีแต่จะแย่ลงทุกด้าน ไม่เห็นว่า 7 ปีที่ผ่านมา เราปฏิรูปตรงไหน หรือนี่คือการปฏิรูปแล้ว ถ้าใช่ก็ต้องบอกว่า “ล้มเหลวสิ้นเชิง”

ความจริงที่โหดร้ายวันนี้คือ ประเทศที่เรารัก ป่วยหนักมานานแล้ว บางคนรู้ บางคนไม่รู้ บางคนไม่ยอมรับรู้ ฉันรักของฉันจะทำได้แย่ได้ห่วยแตกขนาดไหนยังไง ฉันก็จะหลับหูหลับตาเชียร์ หาสารพัดเหตุผลมาแก้ตัวแทน ทั้งที่เห็นทุกอย่างชัดเจนอยู่ตรงหน้าแบบเต็มสองตา ที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้ไม่เดือดร้อนมากนัก แต่วันนี้เริ่มเดือดร้อนกันบ้างแล้ว

แต่ก็ยังเดือดร้อนน้อยกว่าแม่บ้านที่บริษัทต้องปิดตัวลง ต้องตกงาน เดือดร้อนน้อยกว่าพี่คนขับแท็กซี่ ที่วันนี้แทบไม่มีลูกค้าโบกเรียก เถ้าแก่ลดค่าเช่า ควงไปเลยสองกะเหลือแค่ 400 บาท ยังแทบรากเลือด เดือดร้อนน้อยกว่า “ลุงยาม” รปภ. ที่ “คนเถรตรง” ส่งยิ้มทักทายทุกวัน เวลาเดินผ่านเพื่อจะขึ้นรถไปทำงาน ช่วงก่อนโควิด-19 จะระบาด ตอนนี้ไม่เห็นลุงยามอีกแล้ว ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง

เดือดร้อนน้อยกว่าพนักงานออฟฟิศหลายคนที่เป็นผู้นำครอบครัวและต้องตกงาน แบกภาระไว้บนบ่า ไหนจะค่าผ่อนรถผ่อนบ้าน ที่ต้องมีเพื่ออยากสร้างความมั่นคงในชีวิตให้ครอบครัว ไม่นานคงถูกยึดหมด แล้วอย่ามาพูดเรื่องความช่วยเหลือลมๆ แล้งๆ ลดต้น ลดดอก พักชำระโน่นนี่นั่น พักต้น ดอกเดิน ท้ายที่สุดก็แค่ยืดเวลาความเป็น “ทาสทางการเงิน” ของคนที่อยากมีความมั่นคง มีความสุขบ้างในชีวิตที่แสนจะสั้น ออกไปเท่านั้น

บางคนอาจตายไปแล้วด้วยซ้ำเพราะโควิด-19 แค่นึกภาพว่าลูกเมียพ่อแม่เขาจะอยู่ยังไง บางคนก็น้ำตาไหลแล้ว

ยังมีคนอีกมากมายที่เดือดร้อน เพราะเขาเหล่านั้นเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ คนเหล่านั้นไม่ใช่ “มิสเตอร์ 1%”  ที่ร่ำรวยติดอันดับเป็นส่วนยอดของ “ภูเขาน้ำแข็ง” แต่เป็นแค่คนทำงานที่หวังจะมีหลักประกันในชีวิต อยากมีบ้านสักหลังต้องทำงาน 30 ปีถึงจะผ่อนหมด บางคนแค่ขอมีกินมีใช้ไปวันๆ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ตรงไหนของภูเขาน้ำแข็งลูกนั้น ที่ช่องว่างถูกเรียกหรูๆ ว่า “ความเหลื่อมล้ำ”

“รากเหง้า” หรือ “ต้นตอ” ของปัญหาที่ทำให้ประเทศไทย ป่วยหนักมานาน และกำลังจะตายอย่างทรมาน ก็คือ “การเมือง”

เป็นการเมืองวิปริต เต็มไปด้วยผลประโยชน์ หิวโหยอำนาจ อดทนรอไม่ได้ เต็มไปด้วยม็อบสารพัดสีแต่โมเดลเดียวกัน คือล้มรัฐบาลขณะนั้น ด้วยการเปิดประตูเชื้อเชิญ “อำนาจนอกระบบ” ที่คนไทยคุ้นชินกันดีในนาม “รัฐประหาร” เข้ามา โดยไม่เคยจดจำบทเรียนในอดีตเลยว่า มันทำให้ประเทศชาติถอยหลังไปไกลแค่ไหน

ประเทศเราป่วยมามากกว่า 7 ปีแล้วจริงๆ ก่อนที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะเข้ามายึดอำนาจเสียอีก จากนั้นก็ป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ แล้วกำลังจะตายยุคผู้นำทหารและคณะนี่แหละ ด้วยพิษภัยโรคระบาด และหนี้สินที่พอกพูน กับการใช้จ่ายแบบมือเติบ อย่างที่บอก บางคนไม่รู้ บางคนรู้ บางคนทำเป็นไม่รู้ คนที่รู้ก็ตะโกนเตือนปากเปียกปากแฉะ เสียงดังไปไม่ถึง แต่ต่อให้เสียงดังไปถึงแล้วยังไง เมื่อ “ผู้มีอำนาจ” เลือกจะไม่ฟัง ก็เป็นได้แค่เสียงนกเสียงกา เสียงหมาเห่าน่ารำคาญ

“คนเถรตรง” เชื่อว่า ไม่มีใครอยากเห็นประเทศเดินหน้าไปสู่หายนะ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน โดยเฉพาะท่านนายกฯ และคณะรัฐมนตรีของท่าน แต่คนที่กำลังตะโกนด่ารัฐบาลอยู่ พวกเขาแค่อยากบอกพวกท่านว่า “ช่วยพวกเราด้วย เรากำลังจะตาย เรากำลังย่ำแย่  และสิ้นหวัง”  เป็นเสียงที่ส่งไปถึงรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นได้สำเร็จเพียงเพราะประสานผลประโยชน์ลงตัว ความเหมาะสมเหรอไม่เห็นต้องสน ควรต้องเลือกใช้คนให้ถูกกับงานน่ะเหรอ ไม่เห็นจำเป็น รัฐมนตรีก็ผิดฝาผิดตัว

นี่หรือคือการปฏิรูป ที่จะให้คนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น เห็นการเมืองที่ดีขึ้น มีโอกาสในชีวิต และมีความหวังมากขึ้น สิ่งที่เห็นคือไม่ใช่เลย มันช่างตรงข้ามกับบทเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อสัญญากับประชาชนไว้เหลือเกิน เป็นแค่สัญญาปากเปล่า

“บริหารประเทศไม่เห็นจะยาก” ใช่ครับถ้าบริหารแบบที่พวกท่านกำลังทำกันอยู่ แต่ถามว่าแล้วบริหารได้ดีไหมล่ะ?

ผลพ่วงของการเมืองวิปริตที่ว่า ส่งผลอย่างที่เห็น ถ้าจะบอกว่าโควิดเล่นงานไปทุกประเทศทั่วโลก อันนั้นจริงไม่เถียง แต่ “รัฐบาลที่ดี” และ “ผู้นำที่ดี” ถูกวัดความสามารถจากการแก้วิกฤติในยามที่มันเกิดขึ้น ด้วยการบริหารจัดการที่ดี มีระบบ ไม่เละเทะ ไม่มีอะไรแอบแฝง ประชาชนมีความหวัง ไม่ใช่สิ้นหวัง อยู่กันไปตามยถากรรมอย่างที่เห็น

ไปรอคิวตรวจโควิดก็เหมือนขอทาน เสี่ยงติดเชื้อ ป่วยก็ไม่มีเตียง ที่พักกักตัวกักคอยก็ไม่เพียงพอ บุคลากรทางการแพทย์เหนื่อยสายตัวแทบขาด อยากได้วัคซีนดีมีคุณภาพก็ยากเย็นแสนเข็ญ วัคซีนที่ฉีดให้ประชาชนก็มีคำถามเรื่องคุณภาพ แถมมาช้าฉีดได้ไม่ครอบคลุม ประชาชนอยากฉีดวัคซีนที่มั่นใจในคุณภาพ ต้องโวยวายเรียกร้องอยู่นาน วันนี้ไม่รู้สายเกินไปรึยัง อีกสารพัดที่บ่งบอกถึงการบริหารจัดการที่ย่ำแย่ล้มเหลว

ถ้าวันนี้ประเทศไทยที่เรารัก มีการเมืองที่ดี (กว่านี้) เราก็จะได้รัฐบาลที่ดี (กว่านี้) การบริหารจัดการที่ดี (กว่านี้) วันนี้ท่านนายกฯ และคณะรัฐมนตรีของท่าน เห็นอะไรจากประชาชน “คราบน้ำตา” หรือ “รอยยิ้ม” ….ได้ยินเสียงอะไรจากประชาชน “เสียงชื่นชม” หรือ “เสียงสาปแช่ง” ลองตอบตัวเองดู.

คนเถรตรง