เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่สำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาสอบถามคดี น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม โดยเปิดเผยก่อนขึ้นพบอัยการจังหวัดนนทบุรีว่า วันนี้มาปรึกษาท่านอัยการจังหวัดนนทบุรีในคดีที่แจ้งความ แซน หรือ นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ เนื่องจากคดีของตนจะเป็นตัวแปรที่สามารถพลิกคดีได้ หากพิสูจน์ได้ว่าแซนให้การเท็จ จะทำให้ผลของคดีหลักมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็อยากปรึกษาท่านอัยการจังหวัดนนทบุรีว่าจะรอคดีตนได้หรือไม่เพราะยังมีเวลาอยู่ แต่ก็ต้องดูก่อนว่าท่านมีความเห็นว่าอย่างไร และตนยังติดใจในประเด็นการตรวจแอลกอฮอล์และเลือดของแซน เพื่อหาสารเสพติด ทั้งๆที่สามารถบังคับตามกฎหมายมาตรา 131/1 แต่กลับละเว้นการฏิบัติหน้าที่ รวมถึงยังเจาะจงว่าสาเหตุเกิดจากใบพัดเรือ แต่ไม่โฟกัสเรื่องที่เปิดขวดไวน์ และบาดแผลที่เพิ่มขึ้นด้วย

‘อัจฉริยะ’ร้องกองปราบฯจับ ‘แซน’ให้การเท็จ ท้าไม่ใช่เรื่องจริงให้ฟ้องกลับ

ส่วนอะไรที่เชื่อว่าเป็นหลักฐานสำคัญที่จะสามารถพลิกคดีได้นั้น นายอัจฉริยะ ระบุว่า หากแตงโมไม่ได้จับขาแซน และไม่ได้ตกท้ายเรือจริง ตรงนี้คือการให้การเท็จต่อเจ้าหน้าที่พนักงาน ดังนั้นโจทย์ที่ตำรวจตั้งไว้ว่า “แตงโมตกท้ายเรือ” ก็ไม่เป็นความจริง คดีนี้ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ เราจึงมุ่งเน้นรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการจังหวัดนนทบุรี โดยเราเองก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมาเป็นพยานในคดีหลักที่ไปแจ้งความไว้ที่กองปราบปราม เบื้องต้นวันนี้ไม่ได้ประสานอัยการจังหวัดนนทบุรีไว้ เพราะแวะมาปรึกษาก่อนไปขึ้นศาลที่ต่างจังหวัด ส่วนสิ่งที่ตนออกมาร้องส่งผลกระทบไปหลายส่วนหรือไม่นั้น ตนไม่คิดว่าจะไปกระทบใคร เพราะต้องการค้นหาความจริง และทำทุกวิถีทางที่จะทำได้ตามกรอบกำลังที่มีและตนก็ไม่ได้มีอำนาจอะไร ได้แต่รวบรวมพยานหลักฐานมอบให้กับพนักงานสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนจะมีความเห็นอย่างไรก็ต้องไปว่ากันต่อที่ชั้นพนักงานอัยการ

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ยังเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราจะนำหลักฐานทั้งหมดเข้าสู่สำนวนของพนักงานสอบสวน จะเป็นทางออกที่ทำให้มาคานอำนาจของทางตำรวจและพนักงานอัยการฯ ว่าให้รอความเห็นในคดีของเราที่มีการกล่าวหาแซนก่อน เพราะหากฟ้องไปแล้วและพิสูจน์ได้ จะทำให้คดีมีปัญหา ยืนยันว่า ตนมีพยานสำคัญ เช่น นายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา และอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม รวมถึงผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีพีเอสและภาพเงาต่างๆ ซึ่งมั่นใจว่าไม่ได้ตกท้ายเรือ พร้อมทั้งพยานหลักฐานอีกมากทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน

ส่วนประเด็นที่ “ทนายเดชา” ออกมาโพสต์ว่า หากออกมาเคลื่อนไหวจะมีหมายศาลจำนวนมาก นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้เชื่อว่า ตำรวจ หรือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเอง ไม่ทำตนแน่นอน เพราะทำงานเพื่อแผ่นดิน ไม่มีอะไรแอบแฝง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องแนวความคิดของตนและตำรวจที่ไม่ตรงกัน ซึ่งพร้อมรับผิดชอบกับสิ่งที่ออกมา และปฏิบัติตามกฎหมาย ยืนยันว่าไม่กังวลที่ได้นำหลักฐานมาเปิดเป็นหลักฐานที่ตำรวจไม่มี และสามารถพิสูจน์กับพนักงานอัยการได้ว่าเป็นเรื่องเท็จ จึงต้องการเอามาหักล้าง

ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ ยังเชื่อว่า ความเห็นในวันนี้ จะทันก่อนคำสั่งของอัยการที่สำนวนมีกรอบระยะเวลาถึงผลัด โดยวันที่ 17 พ.ค.นี้ จะนำหลักฐานที่มีทั้งหมดไปมอบให้กับชุดสืบสวนคลี่คลายคดีนี้ที่ สภ.พระประแดง ซึ่งก่อนวันนั้นตนจะแถลงเปิดหลักฐานให้กับประชาชนได้ทราบก่อน เป็นหลักฐานที่พิสูจน์หลักฐานยินดีให้ความร่วมมือ ทั้งทรายตัวอย่างที่เก็บมา รวมถึงในช่วงสัปดาห์หน้าจะจำลองโดยใช้นักประดาน้ำที่มีกล้องถ่ายภาพลงในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อถ่ายภาพด้านล่างว่ามีทรายอยู่ตรงจุดที่พบศพหรือไม่ และพยานที่พบเห็นศพในคืนวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นพยานที่ตำรวจยังไม่เคยเอาเข้าสำนวนคดี