เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่รัฐสภา นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษก กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง แถลงผลการประชุม กมธ.ว่า ที่ประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างการเรียบเรียงบทสรุปและถ้อยคำ จากนั้นในวันที่ 12 พ.ค.มีกำหนดพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีไฮไลต์ที่ถูกจับตามองคือ วิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะใช้ 100 หรือ 500 หาร โดยหลักการร่างที่มีการนำเสนอต่อรัฐสภา 4 ฉบับ ล้วนเขียนหลักการเดียวให้ใช้ 100 หาร ดังนั้นจะไปเขียนขัดต่อหลักการโดยใช้ 500 หารไม่ได้ หรือจะไปแปรญัตติไปทางอื่นให้ นอกเหนือจากที่รับหลักการไม่ได้

นายสมคิด กล่าวต่อว่า ส่วนกรณี นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ระบุ หากใช้ 100 หาร ทำให้พรรคเล็กเสียเปรียบ และจะไปยื่นเรื่องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ ส่วนตัวมองว่าเรื่องบัตร 2 ใบ ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ เพราะรัฐธรรมนูญแก้มาเพื่อคน 65 ล้านคน พรรคเล็กถ้ากลัวโตไม่ทันให้ไปยุบรวมเป็นพรรคเดียวเพื่อไปต่อ แม้การยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นสิทธิของพรรคเล็ก แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณา ต่อไปสภาออกกฎหมายจะถูกยื่นร้องศาลตลอดเวลายืนยันว่า เรื่องบัตร 2 ใบ เพื่อให้พรรคการเมืองเข้มแข็งจะยอมให้มีพรรคร่วมรัฐบาลเกือบ 20 พรรค เหมือนทุกวันนี้หรือไม่ หากไปแก้เป็นบัตรใบเดียว หรือใช้ 500 หาร ต้องไปนับหนึ่งโดยการแก้รัฐธรรมนูญใหม่ตั้งแต่ต้น แต่ขณะนี้เลยมาไกลแล้ว

นายสมคิด กล่าวว่า การลงมติเรื่องวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในวันที่ 12 พ.ค.มั่นใจว่า เสียงใน กมธ.เกินครึ่งหนึ่ง หรือ 25 เสียง จาก 49 เสียง จะลงมติให้ใช้ 100 หาร โดยมีแนวร่วมจากพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังประชารัฐ บางส่วน ส่วนพรรคที่จะใช้ 500 หาร มีเพียงแค่ นพ.ระวี รวมถึง ส.ว.ที่ไม่ยอมแสดงจุดยืนอะไร ซึ่งไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่การเมืองไทย อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้.