เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 มิ.ย. ที่​ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วย นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บช.สอท. เพื่อชี้แจงกรณีส่งโทรศัพท์ของแตงโมให้บังแจ็ค จนมีปล่อยภาพที่กู้คืนมาได้จากโทรศัพท์ลงในสื่อสังคมออนไลน์ มี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. เข้าสอบปากคำด้วยตนเอง โดยทันทีที่มาถึง นางภนิดา กล่าวเพียงว่า วันนี้ไม่มีความกังวลที่ต้องมาให้ปากคำ ยังมีความเชื่อมั่นในตัวบังแจ็ค เนื่องจากเป็นคนอัธยาศัยดี และมีเพื่อนในประเทศไทยอยู่เยอะ

พล.ต.ท.กรไชย เปิดเผยว่า วันนี้เชิญนางภนิดา เข้าชี้เแจงกรณีส่งโทรศัพท์ของแตงโมให้บังแจ็ค นำข้อมูลในโทรศัพท์ไปเผยแพร่ ส่งผลให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง และภาพลักษณ์ของผู้ที่เสียชีวิต ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยขณะนี้ได้ทำการปิดบัญชีเฟซบุ๊ก ที่บังแจ็คใช้เผยแพร่ข้อมูลในส่วนของประเทศไทยแล้ว ส่วนของที่สหรัฐอเมริกานั้น กำลังประสานอยู่ โดยมีประเด็นข้อสงสัยที่จะต้องสอบถามนางภนิดา กว่า 30 ประเด็น ว่ามีความจำเป็นอย่างไรจึงมอบโทรศัพท์ให้บังแจ็คที่อยู่ต่างประเทศ ทั้งที่ในประเทศไทยก็มีบุคคลที่ไว้ใจได้ เช่น แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์, นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ส.ส.เต้ และ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และจะสอบถามถึงประเด็นว่าปัจจุบัน บังแจ็ค ส่งโทรศัพท์มือถือดังกล่าวคืนให้แล้วหรือไม่ ซึ่งทางตำรวจ บช.สอท. สามารถขอเรียกโทรศัพท์ดังกล่าว มาตรวจสอบเพิ่มเติมได้ภายหลัง หากมีข้อสงสัยที่เกี่ยวกับการสอบสวน รวมถึงประเด็นว่า มีค่าตอบแทนในการส่งโทรศัพท์ให้บังแจ็คหรือไม่

พล.ต.ท.กรไชย กล่าวอีกว่า หากพบว่าบังแจ็คมีการกระทำความผิด ก็จะเข้าสู่การออกหมายแดงเข้าสู่กระบวนการติดตามตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 บัญญัติว่า “ถ้าความผิดซึ่งมีโทษตาม กฎหมายไทยได้กระทําลงนอกราชอาณาจักรไทย ให้อัยการสูงสุดหรือผู้รักษาการแทนเป็นพนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบหรือจะมอบหมายหน้าที่นั้นให้พนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนคนใดเป็นผู้รับผิดชอบทําการสอบสวนแทนได้” ทั้งนี้ โดยส่วนตัวเห็นว่าบังแจ็คเป็นคนเพ้อเจ้อ ไม่ใช่ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางแต่อย่างใด ซึ่งการสอบปากคำครั้งนี้ จะอนุญาตให้นางภนิดาและทนายความเข้าไปร่วมสอบปากคำกับพนักงานสอบสวนเท่านั้น จะไม่ให้บุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปร่วมฟังการสอบปากคำเด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้นำข้อมูลออกไปเปิดเผยสู่สาธารณชน