นับเป็นอีกหนึ่งดราม่าที่พูดถึงบนโลกออนไลน์กันในอยู่ขณะนี้ ภายหลังแฟนเพจเฟซบุ๊กร้านขนมชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ข้อความเตือนสติชาวเน็ตที่มีเงินเดือน 15,000 ว่า ต้องประหยัดจนถึงที่สุด โดยเจ้าของร้านดังกล่าวได้ระบุว่า ค่าเช่าห้องไม่ควรเกิน 25% ของเงินเดือน สำหรับเงินเดือน 15000 ค่าเช่าไม่ควรเกิน 3,500 บาท ให้ไปหาห้องพัดลมแทนหรือหาคนหารเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ แม้กระทั่งกาแฟรถเข็นก็ควรงด เพราะ กินกาแฟทีก็ปาเข้าไปเดือนละ 1,200 บาทแล้ว พร้อมยังกล่าวถึงการยกตัวอย่างการใช้ชีวิตรูปแบบต่างๆ ของชาวเน็ตด้วย เช่น

“ชั้นยืนเอียงคอ ท้าวสะเอว อ้าว รองเท้าคู่ใหม่เธอ 4,000 กว่าบาท กระเป๋า cross-body ที่xxxสะพายก็เกือบหมื่นแล้วมั้ย ตอนเย็นๆ xxxก็ถ่าย live ที่ infinity pool ที่คอนโดฯ แถวนนท์ที่เอ็งผ่อนเดือนละ xxx บาท อ้อ มีหมากระเป๋าตัวเล็กๆ เอาไว้อุ้มเล่นอวดโชว์เพื่อนใน f6 ด้วยนะเออชีวิตดี๊ดีขนาดนี้ จะมีเงินเก็บมั้ย?”

“อ้อ ทำไมเธอไปผ่อนคอนโดฯ แถวนนท์นะ? อ๋อ เพราะมันมี infinity pool แล้วก็มีวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา ดูหรูหราดีฮะ เริ่ด” และ “เอาจริงๆ นะ .It is just a simple math แค่บวกลบเลขง่ายๆ รายรับ-รายจ่าย”

นอกจากนี้ยังยกตัวอย่างว่า เมื่อเรียน MBA อยู่ที่อเมริกา ประหยัดเงินโดยการทำอาหารกินเองทุกมื้อ ปั่นจักรยานไปซื้อโครงไก่ 35 บาท กินเศษแซลมอน 120 บาท อยู่กับรูมเมทเพื่อหารค่าห้อง แบ่งเงินเก็บเป็น 2 ส่วน ไม่เคยกินสตาร์บัคส์ แค่ดมกลิ่นก็มีความสุขแล้ว แล้วทิ้งท้ายว่า “อ๊ะ ๆ ใช่ เจ็บป่วย คุณมีเงินเผื่อไว้บ้างมั้ย?”

ยิ่งไปกว่านั้น ในโพสต์ยังกล่าวอีกว่า เจ้าตัวพยายามเก็บทุกเม็ด ไม่ปล่อยให้ตนเองกินสตาร์บัคส์ทุกวัน จะทำงานให้หนัก ตอนกลางคืนจะได้สลบไม่ต้องเสียเงินค่าความบันเทิงอย่าง Netflix เป็นต้น ยังทิ้งท้ายไว้ว่า เงินเดือน 15,000 เก็บเงินเดือนละ 3,000 บาท 2 ปี จะมีเงินเก็บ 72,000 บาท เก็บใส่โอ่ง โดยไม่ต้องเอาเงินไปลงทุนคริปโต

อย่างไรก็ตาม จากโพสต์ดังกล่าวทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น และเกิดรถทัวร์มาจอดเป็นจำนวนมาก บ้างก็เห็นด้วยกับเจ้าของโพสต์ บ้างก็เข้ามาแสดงความเห็นในมุมต่าง อาทิ “ก็ค่ะ จะว่าคุณพูดผิดมันก็ไม่เชิง แต่คุณขาดความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นมาก ๆ เลยนะคะ ในเศรษฐกิจแบบนี้ ความเหลื่อมล้ำที่สูงขนาดนี้ ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้เหรอคะ และพนันได้เลยว่า มีลูกค้าของคุณบางคนที่เขาก็ไม่ได้ฐานะดี แต่ยอมซื้อความสุขให้ตัวเองด้วยการมาทานที่ร้านของคุณ และนี่คือสิ่งที่คุณแนะนำค่ะ”

“ไม่ควรไปสอนใครค่ะ โดยเฉพาะเวลาที่เราไม่ได้อยู่ใน circumstances แบบเค้าหรือเราไม่รู้ context ของชีวิตเค้า ชีวิตเราไม่เหมือนกัน ไม่มีสูตรตายตัวว่าต้องใช้ชีวิตยังไง เราไม่มีสิทธิจะไปสอนเลยจริงๆ”, “เราอ่านทีแรกก็รู้สึกว่าเป็นคำแนะนำที่ดี ทำให้เราฉุกคิด เรื่องการใช้เงิน ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาเราใช้จ่ายเงินแบบที่ไม่ทันคิดเลย. การจัดการบริหารเงินที่คุณหนิงพยายามชี้ให้เห็นเป็นประโยชน์มาก. หากคนอ่านเข้าใจเจตนาดีของคุณหนิงที่เขียนนะคะ แต่การตีความนั้น ขึ้นอยู่กับมุมมองและประสบการณ์เงื่อนไขชีวิตของแต่ละคน. ขอส่งกำลังใจมาให้ค่ะ อย่าเพิ่งท้อนะคะ”

ทั้งนี้ ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรง เจ้าของร้านได้ออกมาโพสต์ขอโทษ ระบุว่า “ขอโทษนะคะ ที่สิ่งที่เขียนไปกระทบความรู้สึกของทุกๆคนในแง่ไม่ดี ได้อ่านทุกคอมเมนต์ จะนำทุกคอมเมนต์มาไตร่ตรอง และทบทวน และจะนำไปปรับปรุงแน่นอนค่ะ ขอรับผิดในทุกกรณี โพสต์ที่ผ่านมาเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี และไม่น่ารักจริงๆ ค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆ ที่โทรฯ มาให้กำลังใจ มาเตือนสติ และขอบคุณทุกๆ เมนต์อีกครั้งนะคะ รูปนี้มาเก็บกวาด ของเสีย ที่ตัวเองทิ้งเอาไว้ เมื่อคราวก่อน แชร์ได้แชร์นะคะ ขอบคุณทุกเมนต์และทุกเมสเสจจากใจจริงค่ะ”..