จากกรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปภาพ รถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบทะเบียน ขับสวนเลนไกลกว่า 4 กิโลเมตร บนถนนฝั่งหน้าโรงงานน้ำตาล ต.หนองแจง อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ จนทำให้ผู้ที่พบเห็นต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง พร้อมเรียกร้องให้ตำรวจเร่งจับกุมคนขับรถคันนี้มาสอบสวนโดยเร็ว เนื่องจากเกรงว่าหากปล่อยไว้ ก็จะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นสักวัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 14 ก.ค. นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 63 ปี คนขับรถกระบะได้เดินทางมามอบตัวยัง สภ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ โดยให้การอ้างว่า ตนป่วยเป็นเบาหวานและโรคหลงลืม ซึ่งในช่วงโควิดกลับมาระบาด ทำให้ตนไม่กล้าไป รพ. กระทั่งยาที่มีอยู่หมด จึงมีความจำเป็นต้องไปขอยามาใหม่ จังหวะต้องขับรถไปคนเดียวแล้วระหว่างทางโรคดังกล่าวเกิดกำเริบ ทำให้มีอาการเบลอจนงงกับเส้นทาง กว่าจะรู้สึกตัวก็ขับมาจนถึงหน้าวัดบ้านโภชน์ จึงได้กลับเข้าทางปกติ ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาขับสวนเลนแต่อย่างใด และอยากขอโทษสังคมที่ทำให้เกิดความหวาดกลัว หรือวิตกกังวล โดยเฉพาะผู้ใช้รถใช้ถนนในเวลานั้น

ด้าน พ.ต.ท.เชื้อ กองมนต์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บึงสามพัน เปิดเผยว่า จากการสอบสวน นายเอ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาหาหมอที่โรงพยาบาล เนื่องจากป่วยหลายโรค และมีอาการหลงลืม หลังจากกลับจากโรงพยาบาล ซึ่งยังมีอาการงงๆ เบลอๆ จึงได้ขับรถสวนเลนอย่างในคลิปจริง จึงได้นำตัวไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ แต่ไม่พบ และได้แจ้งข้อหา ขับรถไม่ไปตามทิศทางที่กำหนด (ย้อนศร) มีโทษปรับ 400-1,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากสอบปากคำแล้วเสร็จ พนักงานสอบสวนได้ปรับเป็นเงิน 500 บาท ก่อนจะตักเตือนให้ระมัดระวังการขับขี่ จากนั้นจึงปล่อยตัวนายเอกลับไป.