เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงหลังการอภิปรายของนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ว่า ตนเป็นห่วง นายครูมานิตย์ ที่พูดไปก่อนจะเจ็บคอปวดท้อง เพราะพูดเน้นทุกเรื่อง ซึ่งเราก็ 608 ด้วยกันแล้ว แต่ตนไม่โกรธเป็นการส่วนตัว พร้อมย้ำว่า เข้ามาโดยกระบวนการสภา เพราะได้รับการเสนอชื่อเข้ามา และ ส.ว. ก็ไม่ได้เลือกทั้งหมด พร้อมยืนยันว่า ตนไม่เคยไปก้าวล่วงทางการเมือง ไม่สามารถไปสั่งใครได้ ไม่ว่าพรรคไหน ส่วนเรื่องบประมาณที่บอกว่าตนเคยโทรฯ ไปขอนั้น จำไม่ได้จริงๆ และก็ไม่บังอาจไปขอ เพราะไม่รู้จักใครเลย ไม่รู้จักนักการเมืองทั้งสิ้น แต่เป็นเพียงผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ซึ่งก็มาชี้แจง กมธ.ที่สภา พร้อมยืนยันไม่เคยไปขออะไรพิเศษ แต่ขอแค่ในสิ่งที่ควรจะได้จำเป็น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ฝ่ายค้านบอกว่า หลายเรื่องไม่ดีตั้งแต่เข้ามาตั้งแต่วันแรก ที่บอกเศรษฐกิจพังพินาศ ล้มเหลวระดับประเทศ ไม่สามารถสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ อยู่รั้งท้ายในภูมิภาค นายกฯ ชี้แจงว่า กรุณาฟังจากตนบ้าง ประเทศไทยเราไม่ได้ป่วยรั้งท้ายในภูมิภาค หากดูจีดีพี เราใหญ่อันดับ 2 ในอาเซียน แม้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด พร้อมยืนยันประเทศไทยไม่เกิดเหตุการณ์อย่างศรีลังกา (ล้มละลาย) แน่นอน และคาดว่าปีหน้าเศรษฐกิจจะโตขึ้นและสร้างความมั่นใจกับต่างชาติได้ ส่วนที่นักลงทุนย้ายฐานการผลิต ถือว่าเป็นเรื่องปกติของนักลงทุน ซึ่งเราต้องเตรียมพร้อมให้มากที่สุด ซึ่งตนให้ได้เท่าที่ให้ได้ โดยต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ก็ยังมีนักลงทุนที่ย้ายฐานเข้ามาในไทย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลายอย่างไม่ต้องการบอกว่าเสร็จเรียบร้อย เก่งที่สุด ตนไม่เคยพูด เพียงแค่อยากจะเล่าให้ฟังว่า ทำทุกอันก็แล้วแต่จะเชื่อหรือไม่ ส่วนการท่องเที่ยวที่บอกล้มเหลวด้วยการบริหารแบบประยุทธ์ๆ ที่ไม่คำนึกถึงประชาชน ซึ่งเมื่อเกิดโควิด นักท่องเที่ยวต้องลดลงแน่นอน ฉะนั้นถ้าทุกคนทำให้เมืองสงบน่าเที่ยว เดี๋ยวนักท่องเที่ยวก็มา และตอนนี้ก็เริ่มฟื้นขึ้นมาพอสมควรแล้ว ส่วนการแก้โควิด ตนพยายามแก้ไขผ่อนผัน และทำให้เราเดินมาถึงวันนี้ ดังนั้นอย่าลืมอดีตว่าเป็นยังไง อย่ามาทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน ตนไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าไม่เริ่มต้นก่อนตนก็จะไม่พูดถึงทั้งสิ้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยใช้ทางสายกลาง ใช้มาตรการเท่าที่จำเป็น ส่วนการชุมนุม ตนไม่ต้องการให้ติดโควิด เพราะจะเกิดปัญหา เรื่องของกฎหมายก็เป็นกฎหมาย ตนไม่ได้สั่งใครทั้งสิ้น เขาก็ต้องทำหน้าที่เพื่อให้สถานการณ์เดินไปได้ ซึ่งผมเสียใจ ไม่ว่าใครจะเจ็บป่วยเพราะคือคนไทย และในห้องประชุมสภาก็คือคนไทย ซึ่งตนจะไปทำร้าย เกลียดยังไง ตนทำทุกอย่างก็นึกถึงประเทศทุกเรื่อง ไม่ว่าจะผิดจะถูก ซึ่งตอนนี้ก็เครียดเรื่องโควิดแล้ว ยังจะขัดแย้งกันอีกมันไม่สมควร ผมว่ามันจะยิ่งหนักกว่าโควิด ตนขอเตือนไว้ก่อนนะ ผมไม่อยากเป็นรัฐบาลที่ต้องมาแก้ไขปัญหาแบบนั้นอีก

พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า การแก้ปัญหาใครจะทำก็ทำ ไม่ต้องห่วง ตนไม่ผูกขาด ใครจะทำต่อ ก็ทำไป ทำให้ดี ถ้ามันดีก็ทำต่อ ทั้งนี้เชื่อว่า การทำไม่มีใครได้ประโยชน์และไม่มีใครกล้าทุจริต ใครกล้าก็ลองดู ถ้าจะทุจริตกันตอนนี้ ขณะเดียวกันไม่มีรัฐบาลไหนในประเทศไทย เจอสถานการณ์แบบนี้ ท่านเป็นส.ส.มากี่ปีเจอสถานการณ์วิกฤตซ้อนวิกฤตแบบนี้หรือไม่ แต่ยืนยันวันนี้เรายังรักษาเสถียรภาพได้ และย้ำว่าเราประเทศไทยพร้อมรับมือทุกวิกฤต เพียงร่วมมือและสามัคคีกัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เรามีที่ดินราคาถูก ที่อยู่อาศัยแห่งหนึ่งของโลก เป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นแหล่งที่ทุกคนอยากมาเกษียณในประเทศไทยมากมาย เขาอยากอยู่ประเทศไทย ไม่ต้องกลัว เขามาแย่งที่อยู่ในประทศไทยหรอก ตนเห็นหลายคนจะไปอยู่ต่างประเทศ คงพอดีกันมั้ง ไม่เป็นไรหรอก เวลาที่เหลือ 250 กว่าวันของรัฐบาลนั้น ตนและรัฐบาลจะทำทุกอย่างเพื่อให้ออกจากวิกฤติดังกล่าวให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ช่วงหนึ่งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วง ว่า นายกฯ อภิปรายวนเวียน ขอให้นายกฯ พักเหนื่อยแล้วไปเรียงลำดับเอกสารที่เตรียมมาให้ก่อน

พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวตอบว่า “ขอบคุณที่เป็นห่วง ผมก็ฟังท่านบ่นมาหลายวัน โจมตีผม พูดแล้วพูดอีก พูดแล้วพูดอีก เวลาผมพูดก็ฟังหน่อยก็แล้วกัน” ก่อนที่นายกฯ จะชี้แจงต่อ และกล่าวว่า “นิดเดียวนะ ทนอีกนิด ผมทนท่านมา 3 วันแล้ว”

ในช่วงท้ายนายกฯ กล่าวว่า มีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้พูด แต่จะพยายามชี้แจงให้มากที่สุดตามเวลาที่เหลือ พูดไม่ไหวเจ็บคอ ไม่ได้แข็งแรงเหมือนครูมานิตย์

อย่างไรก็ตามในการชี้แจงการอภิปรายในครั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ พยายามชี้แจงสภาด้วยท่าทีที่นิ่งขึ้นและน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่แสดงอาการฉุนเฉียวหรืออารมณ์โกรธแต่อย่างใด พร้อมเตรียมสไลด์มาเปิดประกอบการชี้แจงอีกด้วย.