เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ศาล อ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ เกี่ยวกับคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของจำเลยที่1,2,4-6 จำเลยคดีร่วมกันฟอกเงินที่มาจากการปล่อยสินเชื่อแบงก์กรุงไทย – กฤษดามหานคร ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวิชัย กฤษดาธานนท์กับพวก รวม 6 คน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตฯมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งหมดตั้งเเต่ 38-860 ปี ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว โดยศาลอาญาคดีทุจริตฯมีคำสั่งให้ส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์ไปเมื่อวันที่19 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วข้อหามีอัตราโทษสูงมูลค่าความเสียหายมีจำนวนมากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย 1,2,4-6

ที่จำคุก 20 ปี มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยที่ 1,2,4-6 จะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจำเลยทั้ง 5 คนที่ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ประกอบด้วย จำเลยที่ 1 นายวิชัย กฤษดาธานนท์ อายุ 83 ปี อดีตผู้บริหารกฤษดามหานคร  จำเลยที่ 2 นายรัชฎา กฤษดาธานนท์ อายุ 56 ปี บุตรชายของ นายวิชัย อดีตกรรมการผู้มีอำนาจบริษัท โบนัส บอร์น จำกัด จำเลยที่ 4 น.ส.เพชรรัตน์ เทพสัมฤทธิ์พร อายุ 51 ปี อดีตเลขานุการของนายรัชฎา จำเลยที่ 5 นายปภพ สโรมา อายุ 69 ปี ผู้มีชื่อเป็นกรรมการใน 3 บริษัท ประกอบด้วย บจก.อาร์เคฯ, บจก.โกลเด้นฯ, บริษัท แกรนด์ คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด และจำเลยที่ 6 นายธีรโชติ พรมคุณ อายุ 58 ปี พนักงานของบมจ.กฤษดามหานคร

เเละจำเลยที่ 3 นายบัญชา ยินดี อายุ 63 ปี อดีตกรรมการผู้มีอำนาจบริษัท อาร์เค โปรเฟสชั่นนัล จำกัด และ บริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บมจ.กฤษดามหานคร ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำที่ไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว