เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าลูกทุ่งดัง ออย แสงศิลป์ ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊ก ทวงเงินค่าการแสดงคอนเสิร์ตที่ผู้จัดงานที่เสี่ยคนหนึ่งติดค้างและไม่จ่ายค่าแสดง จนต้องมีการโพสต์ทวงแถมระบุชื่อ และรูปภาพเสี่ยคนดังกล่าว ปรากฏใน Facebook ของ ออย แสงศิลป์ เมื่อหลายเดือนก่อน หลังจากนั้นทางเสี่ยคนดังกล่าว ได้ดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงโดยทำการฟ้องที่ศาลจังหวัดมีนบุรี และมีการเรียกจำเลย คือ ออย แสงศิลป์ มาให้การถึง 2 ครั้ง แต่เจ้าตัวไม่มาตามนัดและไม่ส่งทนายมาดำเนินการใดๆ ที่ศาลล่าสุดศาลจังหวัดมีนบุรี ได้ดำเนินการออกหมายจับ ออย แสงศิลป์ แล้ว

ที่บ้านพัก อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ลูกทุ่งดัง ออย แสงศิลป์ เจ้าของงานเพลงดังขีดอันตราย ภาวะแทรกซ้อน และอีกหลายๆ เพลง เปิดเผยว่า เรื่องที่มีปัญหาเริ่มจากงานแสดงคอนเสิร์ตแห่งหนึ่งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา หลังจากจบงานก็คือจะมีการเจรจาค่าตัวกัน เพราะเก็บเงินไม่ได้ตามเป้า แล้วทางผู้จัดก็มีการต่อรองขอให้เราลดราคาให้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนทำกัน ก็ทำแบบนี้มาตลอด ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เราก็ลดให้กันได้อยู่แล้ว เช่นงานที่ฟ้องร้องนี้ ก็มีการลดให้แล้ว และก็เจรจาจ่ายกันแล้ว ยังไม่ได้ส่วนที่เจรจาไป สำหรับหมายนัดของศาล 2 ครั้ง ไม่ได้เข้าไปตามนัด เพราะครั้งแรกช่วงนั้นคือทางตนเองก็เตรียมงานบวช ก่อนที่จะรู้ว่ามีหมายศาล คือเห็นหมายแรกมาก่อนที่จะบวช

ส่วนหมายที่สองคือตนไม่เห็น เพราะว่าตนบวชอยู่ในวัด ทางครอบครัวก็ไม่ได้บอก เพราะมันเป็นเรื่องเครียด หลังจากสึกมาอีกที ก็เห็นหมายจับ แล้วก็ตกใจที่โดนหมายจับ จากที่เห็นเพื่อนแชร์กันและเอามาให้ดู ก็เช็กอยู่ว่าเป็นข่าวจริงไหม หรือเขาปั่นกันหรือเปล่า ตนก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับอีกฝั่ง เรื่องทนายก็มีเข้ามาดูแล ตนเองก็เดินทางไปมอบตัว

สำหรับเรื่องนี้ตนเองยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำผิด ที่ไปโพสต์เอารูปมาลงเอาชื่อมาลงในโพสต์ผิด ก็ยอมรับผิด แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้มันถูกต้อง ก็คือส่วนหนึ่งที่อยากให้ถูกต้องบ้าง เพราะส่วนที่ผิด ตนก็ยอมรับผิดอยู่แล้ว ซึ่งน่าจะมีการเจรจากัน เพราะหลังเกิดเรื่องนี้ขึ้น ยังไม่มีการพูดคุยกันเลย แต่มีทางผู้ใหญ่ที่เป็นคนกลางเริ่มคุยกันบ้างแล้ว เพราะทำงานในวงการเดียวกัน ยังไงก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว สำหรับแฟนเพลง ก็ขอบคุณที่ให้กำลังใจ และพี่น้องร่วมงานหลายๆ คนที่เข้ามาให้กำลังใจ เข้ามาช่วยเหลือขอบคุณมากๆ สำหรับทางคู่กรณีเดี๋ยวมีอะไรก็คงจะได้คุยกัน