เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 20 ก.ย. ที่ศาลฎีกา (สนามหลวง) ภายหลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ศาลฎีกา อม.) ได้มีคำพิพากษาตัดสินยกฟ้องจำเลยที่ 1-6 ในคดีหมายเลขดำ อม.23/2564 ที่ ป.ป.ช. หรือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกรวม 6 คน ได้แก่ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ, พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์, บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็นจำเลยที่ 1-6 ที่ถูกกล่าวหาร่วมกันกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการในการจัดจ้างโครงการก่อสร้างโรงพัก (ทดแทน) 396 แห่ง

นายสุเทพ กล่าวว่า ตนต้องตกอยู่ภายใต้กระแสการโจมตีว่าเป็นคนเลวคนทุจริตเกือบ 10 ปี อดทนอดกลั้นและอาศัยความจริงเข้ามาต่อสู้ ประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์และรู้ว่าเราตั้งใจทำความดีให้กับชาติบ้านเมืองและประชาชนจะได้รับการคุ้มครอง โดยในระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยแบ่งเป็นสามฝ่าย อำนาจตุลาการของศาล ยังเป็นที่พึ่งหลักของบ้านเมืองได้ คนที่ยึดมั่นในหลักการ ยึดมั่นในระบบ ขอให้มีกำลังใจ สำหรับตนทนทุกข์ทรมานใจมานาน ตอนนี้หมดทุกข์ หมดโศก พ้นเคราะห์ จะขอเดินหน้าทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชนตามอุดมการณ์ต่อไป ในชีวิตนี้ ตนทุ่มเททำงานให้กับบ้านเมืองและประชาชนด้วยความสุจริต ไม่มีใจที่จะคิดคดทรยศต่อแผ่นดิน ไม่ใช่คนทุจริตคอร์รัปชั่น ทุกอย่างได้พิสูจน์แล้ว ใครที่เคยกล่าวหาโจมตี ตนขออโหสิให้

เมื่อถามว่าได้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาแล้ว จะดำเนินการฟ้องร้องกับผู้ทำให้เสียหายหรือไม่ นายสุเทพ เผยว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คิด ส่วนหลังจากนี้จะเดินทางไปไหว้สักการะศาลหลักเมือง พระแก้วมรกต เพราะเวลาต่อสู้คดีตนได้ตั้งสัตย์อธิษฐานตนใช้ความจริงในการต่อสู้ ไม่ได้คิดหรือว่าโทษอะไรใครทั้งสิ้น

นายสุเทพ เผยอีกว่า ตนต้องการสนับสนุนพรรคการเมืองของประชาชนที่แท้จริง โดยตนได้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลัง ที่มี ส.ส. 5 คน และมีรัฐมนตรี 1 คน เราทำประโยชน์ให้กับประชาชนมามาก ช่วงที่ก่อตั้งพรรค ตนถูกโจมตีจากข้อมูลเท็จ แต่วันนี้ตนพ้นผิดมีกำลังใจในการเดินหน้าทางการเมืองต่อไป ยืนยันไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่จะขอสร้างนักการเมืองที่ดีมาทำงานเพื่อประชาชน

“อะไรที่ช่วยได้ก็ช่วย เคยลั่นสัจจะวาจาไว้แล้วตอนเดินขบวนว่าจะไม่กลับไปยุ่งทางการเมือง ส่วนสมาชิกพรรคที่จะสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ตนก็ไม่ทราบว่านายกฯ จะรอดหรือไม่ ต้องรอการตัดสินวันที่ 30 กันยายนนี้ ตนไม่มีพาวเวอร์อะไรมีแต่หัวใจ ทุกอย่างที่ทำทำเพื่อหัวใจ หัวใจที่รักชาติ รักแผ่นดิน รักประชาชนยืนยัน ตนไม่มีอำนาจอะไรที่จะไปช่วยใครได้” นายสุเทพ กล่าวทิ้งท้าย ก่อนเดินเท้าออกไปสักการะองค์พระหลักเมืองต่อเนื่องด้วยการแสดงความเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 บริเวณด้านหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และสถานที่สุดท้ายเข้าสักการะพระแก้วมรกต ก่อนเดินทางกลับ” นายสุเทพ กล่าว