เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 พร้อมชุดปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศตำรวจภูธรภาค 5 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ร่วมกันจับกุม นายวัชพล ทำไว อายุ 21 ปี ชาว จ.ลำปาง นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งกลางเมืองเชียงใหม่ พร้อมของกลาง อาวุธปืนไม่มีทะเบียน ขนาด 9 มม. 1 กระบอก อาวุธปืนแบลงค์กันดัดแปลงแปลงลำกล้อง 5 กระบอก ปืนแบลงค์กัน 14 กระบอก กระสุนปืน ขนาด 9 มม. 15 นัด กระสุนปืนขนาด 9 มม. เป็นลูกซ้อม 52 นัด กระสุนปืน ขนาด .38 มม. ลูกซ้อม 19 นัด กระสุนปืน ขนาด .45 มม. ลูกซ้อม 5 นัด กระสุนปืน ขนาด .45 มม. ลูกจริง 1 นัด กระสุนปืน ขนาด 5.56 มม. 55 นัด พร้อมอุปกรณ์ดัดแปลงอาวุธปืน สมุดบัญชี บัตรเอทีเอ็ม โทรศัพท์มือถือ และ โน้ตบุ๊ก โดยจับกุมได้ที่คอนโดฯแห่งหนึ่ง กลางเมืองเชียงใหม่

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีเพจและไลน์กลุ่ม “ช่างทำปืน” ลักลอบค้าอาวุธปืนออนไลน์ส่งขายทั่วประเทศไทย จึงสืบสวนรวบรวมหลักฐานขอหมายค้นศาลจังหวัดเชียงใหม่ บุกเข้าค้นคอนโดฯหรูแห่งหนึ่งกลางเมืองเชียงใหม่ ที่พักของผู้ต้องหาพบของกลางดังกล่าวตามที่ปรากฏทางเพจ จึงควบคุมตัวมาสอบสวนพร้อมแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นำเข้า มีหรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไมได้รับอนุญาต”

สอบสวนเบื้องต้นให้การรับสารภาพว่า เดิมเคยเรียนวิทยาลัยช่างและมีความสนใจเรื่องปืน ศึกษาเรื่องปืน และวิธีดัดแปลงอาวุธปืนด้วยตนเองจากYoutube จากนั้นประกาศขายผ่านทางไลน์ official ที่ใช้ชื่อว่า “ช่างทำปืน” ทำมาแล้วประมาณ 2 ปีโดยวิธีการจะซื้ออาวุธปืนแบลงค์กัน มาในราคากระบอกละ 3,000-5,000 บาท แล้วมาดัดแปลงลำกล้อง เกลียว และอื่นๆให้ใช้งานได้เหมือนปืนจริงทุกอย่าง แล้วประกาศขาย กระบอกละ 8,000-10,000 บาท ที่ผ่านมามีลูกค้ากว่า 100 คนสนใจสั่งซื้อ ไปจำนวนมาก โดยเงินที่ได้จากการค้าปืนจะใช้ส่งตัวเองเรียนและใช้จ่ายชีวิตประจำวัน

พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับอาวุธปืนเหล่านี้ที่ส่งออกไปขายมีการตรวจสอบรายชื่อลูกค้าที่ซื้อไปทั้ง 100 คนแล้ว ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบ พบว่ามีปืนกระบอกหนึ่งส่งให้ลูกค้าใน กทม.ซื้อไปแล้วนำไปยิงคนตายเมื่อราวๆ 3-4 เดือนก่อน และจะติดตามบรรดาลูกค้าทั้งหมดมาสอบสวนดำเนินดคีตามกฎหมายต่อไป.