เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท นายทวีศักดิ์ ธนเดชโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน และคณะบินเฮลิคอปเตอร์สำรวจสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ติดตามสถานการณ์อุทกภัยและปริมาณน้ำ ขณะที่สถานการณ์น้ำทางด้านตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาระดับน้ำเริ่มทรงตัว หากปริมาณน้ำเริ่มลดระดับลง ก็จะทำการปรับลดปริมาณการระบายของเขื่อนเจ้าพระยา โดยนายทวีศักดิ์ เผยว่า สถานการณ์ดินฟ้าอากาศ ขณะนี้เริ่มมีมวลอากาศเย็นเข้ามาปกคลุมทางด้านตอนบนของประเทศ ส่งผลทำให้ปริมาณฝนเริ่มลดลง เหลือเพียงตอนล่าง จึงทำให้แนวโน้มสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำปิงลดลงเหลืออยู่ประมาณ 900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนแม่น้ำน่านเนื่องจากมีแม่น้ำยมมาสมทบอยู่ในอัตราประมาณ 1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สถานการณ์น้ำก็เริ่มทรงตัว ซึ่งแม่น้ำปิง และแม่น้ำน่าน มวลน้ำไหลมารวมกันที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ อยู่ที่ ประมาณ 3,054 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า ซึ่งทางกรมชลประทาน ก็ได้มีการบริหารจัดการน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานทางด้านฝั่งตะวันออกและตะวันตกของลุ่มน้ำเจ้าพระยา รวมกันอยู่ประมาณ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงทำให้เขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนอยู่ที่ประมาณ 3,154 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เนื่องจากยังมีมวลน้ำของแม่น้ำสะแกกรังไหลลงมาสมทบยังเขื่อนเจ้าพระยา อยู่อีกประมาณ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หากปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณลดลง ทางกรมชลประทานก็จะทำการลดปริมาณการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาลงตามลำดับ แต่สิ่งสำคัญอยากจะให้พื้นที่ทางด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงไปตั้งแต่ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ให้เฝ้าระวังคันกั้นน้ำที่เป็นคันชั่วคราว เพราะอาจจะมีคลื่นมากระทบและพังลงมาได้

นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการบินสำรวจในครั้งนี้เห็นได้ว่า ทางพื้นที่ของลุ่มแม่น้ำน้อย แม่น้ำเจ้าพระยาจะมีพื้นที่ถูกน้ำท่วมหลายพื้นที่ เนื่องจากคันกั้นน้ำขาด ซึ่งจะเห็นได้ว่าขณะนี้ปริมาณน้ำในหลายพื้นที่เริ่มทรงตัวและลดระดับลง ทางกรมชลประทานก็จะเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเลให้ไวที่สุด โดยยังจะต้องขอความร่วมมือในทุกพื้นที่เฝ้าระวังตรวจตราคันกันน้ำต่างๆ นอกจากนี้ทางกรมชลประทานยังได้มีการระบายน้ำเข้าสู่ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในการเร่งระบายน้ำ ขณะนี้สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบัน ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน อยู่ที่ 3,048 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 17.70 มีระดับน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 17.38 และเขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำผ่านเขื่อนอยู่ที่ 3,164 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลทำให้ที่สถานีวัดน้ำ C.3 บ้านบางพุทรา อ.เมือง จ.สิงห์บุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่านจุดวัดอยู่ที่ 2,737 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย อย่างในพื้นที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ยังคงใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก ต้องใช้เรือเป็นยานพาหนะในการสัญจรเข้าออกบ้านและชาวบ้านบางรายยังต้องมาอาศัยยังที่พักชั่วคราวริมถนน เนื่องจากบ้านที่อยู่อาศัยนั้นเป็นชั้นเดียว นอกจากนี้พบว่ายังมีน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งจนข้ามถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 311 ในหลายจุด

นางเตียง ปานกลิ่น อายุ 72 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 1 ต.บางหลวง อ.สรรพยา เปิดเผยว่า ขณะนี้น้ำท่วมทำให้ต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากเดือดร้อนอยู่ แต่ก็มีการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์เอาไว้แล้วก่อนหน้าที่จะน้ำท่วม แต่ก็มีสิ่งของบางอย่างก็เสียหายบ้าง ซึ่งระดับน้ำที่ท่วมขณะนี้บางจุดท่วมสูงไม่ต่ำกว่า 2 เมตร แต่ตอนนี้สิ่งที่เดือดร้อนและอยากจะได้ความช่วยเหลือก็คือเรื่องของน้ำดื่ม ขาดแคลนมาก เนื่องจากน้ำประปาที่ใช้อยู่มีสีขุ่นไม่กล้ากิน แต่เรื่องของอาหารการกินต่างๆ ไม่เดือดร้อน เพราะมีหน่วยงานช่วยเหลือตลอด