สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ว่าจากเหตุการณ์เครื่องบินขับไล่เอฟ-35 ของอิสราเอล ทิ้งระเบิด 6 ลูก โจมตีอาคารกงสุล ในบริเวณสถานเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำกรุงดามัสกัส เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 13 ราย ในจำนวนนี้ 7 รายเป็นชาวอิหร่าน และทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) โดยผู้เสียชีวิตในจำนวนนี้ 2 ราย เป็นทหารยศนายพลนั้น


คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) จัดการประชุมวาระฉุกเฉินเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยขณะที่สมาชิกส่วนใหญ่ประณามการโจมตีที่เกิดขึ้น เพื่อผลักดันร่างมติที่เสนอโดยรัสเซีย แต่สมาชิกกลุ่มตะวันตก นำโดยสหรัฐ ปฏิเสธประณามเหตุการณ์ดังกล่าว โดยรัฐบาลวอชิงตันให้เหตุผล ว่า “สถานะ” ของอาคารที่ถูกโจมตี “ยังคงคลุมเครือ” ว่าใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการทูตหรือไม่


ทั้งนี้ สหรัฐอ้างเนื้อหาบางส่วนจากอนุสัญญาเวียนนา ฉบับปี 2504 และ 2506 ที่ระบุนิยามของสำนักงานทางการทูต และการคุ้มครองสำนักงานการทูต “ต้องไม่ถูกล่วงละเมิด” แต่ต้องไม่มีการใช้อาคารและสถานที่เหล่านั้น “เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่เทียบเท่า” กับภารกิจทางการทูตและกงสุล


ขณะที่อิหร่านหยิบยกเนื้อหาจากอนุสัญญาว่าด้วย การป้องกันและการลงโทษต่ออาชญากรรม ซึ่งกระทำผิดต่อบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงเจ้าหน้าที่การทูต ฉบับปี 2516 (Convention on the Prevention and Punishment of Crimes Against Internationally Protected Persons, including Diplomatic Agents) ว่าผู้เสียชีวิตทุกรายอยู่ภายใต้การคุ้มครองของอนุสัญญานี้


ด้านอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ประกาศ “การล้างแค้น” ส่วนนายฮอสเซ็น เอเมียร์-อับโดลลาเฮียน รมว.การต่างประเทศอิหร่าน เรียกร้องประชาคมโลกร่วมกันตอบสนองอย่างจริงจัง ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และนายฮอสเซ็น อัคบารี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำซีเรีย ยืนยันว่า รัฐบาลเตหะรานจะไม่มีทางเพิกเฉย ต่อการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และการไม่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศของรัฐไซออนิสต์ ที่หมายถึงอิสราเอล


จนถึงตอนนี้ รัฐบาลและกองทัพอิสราเอลยังคงสงวนท่าทีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นครั้งที่ 5 ภายในระยะเวลาเพียงสัปดาห์เดียว อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อิสราเอลแทบไม่เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับการโจมตีลักษณะนี้ แต่กล่าวว่า อิสราเอลจะไม่มีทางปล่อยให้อิหร่านและกองกำลังฝักใฝ่อิหร่าน เข้ามาตั้งฐานที่มั่นและซ่องสุมอยู่ในซีเรีย.

เครดิตภาพ : AFP