ถูกกลับมาสนใจอีกครั้งสำหรับดราม่าดาราหนุ่มถูกตบหน้ากลางห้าง ในประเทศเกาหลีใต้ เพราะปฏิเสธที่จะไปกินปูด้วย โดยล่าสุดเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเป็นเรื่องราวของ ม้า อรนภา อดีตนางแบบและพิธีกรดัง และดาราหนุ่ม เอ็ม นันทวัฒน์ โดยพี่ม้าได้ออกมาแถลงในส่วนของตนเองไปแล้วนั้น วันนี้ หนุ่มเอ็ม เปิดใจเล่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยันตบจริงไม่ใช่แค่แตะ ให้อภัย แต่ยังคงมีการแจ้งความเพื่อเป็นบทเรียนให้อีกฝ่าย ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW แบบจัดเต็ม

เอ็ม เผยว่า “ผมเพิ่งมาถึงเมื่อวานเลย ยังไม่ได้เช็กข่าว และไม่กล้าดูสัมภาษณ์เพราะเรามีคำตอบในใจอยู่แล้ว พูดอีกร้อยครั้งก็เหมือนเดิม เพราะมันเป็นความจริง สภาพจิตใจไม่ค่อยโอเคครับ เจอแม่กอดกับแม่แค่ 5 นาทีเองครับ แม่ไปรับที่สนามบิน ผมแยกตัวมานอนที่โรงแรม เรื่องพี่ม้า รู้จักและเจอตามงานอีเวนต์ แต่พี่ม้าไม่รู้จักผมหรอก ผมสวัสดีเค้า รู้จักจากพี่ธง ผู้จัดการ พี่ม้าพาผมไปปรึกษาหมอศัลยกรรมก่อนไปเกาหลี ไปกัน 2 คน จริงๆต้อง 3 แต่พี่ธงติดโควิด ไปกับพี่ม้าสองคน มันโอเคอยู่แล้วครับ อยากไปทำหน้า แต่ถามว่ากลัวมั้ยมันกลัวครับ เพราะเค้าเป็นพี่ม้า อรนภา ผมเด็กแล้วผมเห็นเค้ามาตลอด เค้าน่ารักกับผมมากเลย เราสวัสดีแล้วกอดกัน เค้าก็พยายามสอนผมเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เค้าด่าผม ผมจะขอโทษเค้าเลย ทุกครั้งที่เค้าสอนผม ผมตั้งใจฟัง ผมถามเค้าเกี่ยวกับวงการบันเทิง ผมคิดว่า 9 วันเราอยู่กันรอดแล้ว พี่ม้าเข้าใจตอบ เค้าตอบผมทุกคำถาม ผมรักเค้าเลยตั้งแต่วันแรกๆเรื่องดูแล ใช่ แต่เราดูแลกันทั้งคู่ เค้าดูแลในส่วนที่ผมเป็นลูกค้า แต่ผมบอกเค้าว่า แม่ไม่ต้องดูแลแบบลูกค้า เอ็มทำเองได้หมดเลย แต่เรื่องของการกินเอ็มชอบอร่อยๆ เค้าจะสอนผมตลอดเวลา ผมรู้ว่าแม่ม้าดูอยู่ เค้าจะรู้อยู่แก่ใจว่าผมมีสัมมาคารวะหรือเปล่า มีบางคนบอกผมไม่รู้สัมมาคารวะเลยโดนตบ แต่แม่ม้ารู้อยู่แก่ใจครับว่าผมมีสัมมาคารวะหรือเปล่า”

เหตุเกิดในวันที่ 2 พี่ม้ารอเอ็มซื้อของ 3 ชั่วโมง ผมบอกแม่ครับ เราแยกกันหน่อยได้มั้ย เอ็มอยากชอปปิง แม่บอกว่าแยกกันทำไมจะไปไหน เริ่มดุแล้ว ไล่กลับโรงแรมใช่มั้ย ผมบอกเปล่าครับ ผมอยากชอปปิงมากเลยแม่ เดี๋วผมทำจมูกหน้ามันเน่าไม่กล้าเดิน เค้าบอกโอเคพาเค้าไปร้านกาแฟ ถ่ายรูปให้ กอดแล้วก็บอกรอตรงนี้นะเดี๋ยวผมมา ในข่าวที่บอกว่าถือของเยอะของเอ็มทั้งหมดเลยครับ แม่ยังบอกเลยเดี๋ยวช่วยถือ ผมบอกไม่ต้องช่วยถือแม่ถือแอร์เมสสวยๆเลยครับ แม่ไลน์มาช้อปหมดเมียงดงแล้วมั้ง พอเอ็มรู้เท่ากับนานไปแล้ว เอ็มรีบกลับไปหาเค้าเลย แล้วแม่ก็ไปซื้อรองเท้ากัน ไม่กินปูเกิดตอนที่แม่ม้าจ่ายค่ารองเท้าเสร็จแล้ว ผมก็บอกแม่ม้าเอ็มอิ่มแล้ว ไม่ไปกินปูได้มั้ย แม่ม้าบอกว่าอะไร ขึ้นเสียงแล้ว บอกว่าอีบ้าตีไหล่ผม 2 ที บอกว่าโมโหแล้วนะ ฟาดหน้าผมเลย 1 ที แล้วผมก็เดินออกไปด้วยอารมณ์โมโหมากๆ ตอนโดนมันโกรธครับ เพื่อนถามทำไมไม่สวน มันสวนไม่ได้ เราอายมั้ยอาย เราเจ็บมั้ยเจ็บ แม่ม้าเค้าก็ขึ้น”

“ตอนโดนตบ ผมโกรธครับแบบสั่นเลยครับ ตัวสั่น ใจสั่น ที่สำคัญผมอายมาก ไม่ได้แค่ฟาดแต่เสียงดัง เลยต้องหาคำพูดคำนึงที่ทำให้หยุดแล้ว โดยเอาพ่อแม่มาอ้าง แล้วมันก็เป็นความจริงด้วยผมไม่เคยโดนพ่อแม่ตีขนาดนี้ ถามว่าโดนตบหรือแตะผมรู้สึกว่าผมโดนตบครับ เพราะหน้าผมหัน ตอนนั้นผมว่าแรงนะ มือแม่ใหญ่กว่าหน้าผมอีกนะ อันนั้นแตะ อีบ้า อีบ้า แล้วก็โมโหแล้วนะ ก็ฟาด แรงครับหน้าชาเลย หลังจากใจเย็นลง เคลียร์กันที่เมียงดงครับ เคาวางแผนไว้แล้ว 1-2-3-4 เอ็มทำแบบนี้ผิดแผนเค้านะ เอ็มเลยบอกว่าต่อไปนี้เรามีอะไรเราพูดกันตรงๆเลยนะ เอ็มบอกว่าแม่ครับเอ็มถามหน่อย ถ้าเกิดแม่พาคุณหญิงคุณนายมา ถ้าเค้าไม่กินปู แม่จะตบเค้ายังนี้มั้ย ผมถามไปตรงๆแต่จำไม่ได้แม่ตอบว่าอะไรตอนนั้น แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างโมเมนท์หลายอย่าง แม่ม้าร้องไห้ ผมก็จบเลยทุกอย่างจบผมขอโทษ เข้าไปกอดเค้า ผมเลยบอกครับแม่ถ้างั้นเรื่องนี้เรารู้กัน 2 คนนะ อย่าไปบอกใครนะ เค้าถามเอ็มจะกลับโรงแรมเลยมั้ยลูก งั้นปกินปูก็ได้ให้มันจบๆ พอไปกินมันเป็นปูอลาสก้าไม่ใช่ปูดอง ผมยังถ่ายรูปให้พี่ม้า”

“เรื่องเคลียร์จบแล้วแต่ข่าวหลุดออกมา ผมกลับไปโรงแรมไปนั่งคิดดูว่าทำอะไรแย่บ้างในวันนี้ จนผมรู้สึกว่าผมกับพี่ม้าห่างกัน พี่ม้าบอกว่าก็พยายามศึกษาผม ผมก็พยายามศึกษาพี่ม้า อะไรที่ผมยอมได้อะไรที่ผมยอมไม่ได้ เรื่องที่ผมยอมได้คือทุกอย่างผมให้ได้ แต่เรื่องที่ยอมไม่ด้คือเค้าตบครับ ผมก็กลับไปคิด ไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟัง แต่ผมคุยกับแม่เราที่เมืองไทย เมืองไทยก็ดึกนะผมบอกเลยแม่ผมไม่ได้ 2 วันระหว่างที่ผมทำจมูก ผมโทรหาแม่คุยกันปกติแม่ม้าเป็นยังไง ผมก็เล่าไป แต่เค้าบอกเสียงผมแปลกๆนะเป็นอะไร แลเล่าไปก็เริ่มจะร้องไห้ เค้าก็เริ่มจับประเด็นได้เค้าก็พยายามถาม ผมเลยบอกว่าโดนตีแต่ไม่ต้องไปเล่าให้พี่ธงฟังนะเดี๋ยวเรื่องใหญ่ แม่เค้าก็รับปากผม แต่ก็ไปเอาเรื่องพี่ธง แม่โกรธมาก โกรธมากกว่าเรา ผมบอกไม่ให้บอกพี่ธง แต่เรื่องนี้คนที่มีปัญหาสุดคือพี่ธง เพราะแม่ผมก็ไปอาละวาดกับพี่ธง พี่ธงจะไม่ให้ฟ้อง จะให้ประนีประนอม พี่ธงส่งผมให้ไปทำจมูกกับแม่ม้า แต่ไม่ได้ส่งผมให้ไปโดนตบอันนี้เป็นเรื่องของผมแม่บอกว่าติดต่อทนาย ผมให้แม่ช่วยติดต่อ ส่งไปหาทนายหลายคน แต่ไม่มีใครอ่านเลย เพราะผมส่งไปไม่ได้บอกว่าโดนม้า อรนภาตบ ผมส่งไปว่า ผมโดนตบที่เกาหลีโดยคนไทยด้วยกันผมสามารถทำอะไรได้บ้าง มีทนายท่านนึงตอบคนเดียว เลยรู้สึกว่าจะเอาคนนี้เป็นทนายของผม ผมก็ค่อยๆส่งข้อมูลให้เค้า ตอนนั้นแค่ปรึกษา”

“เรื่องแจ้งความที่เกาหลี ผมแจ้งครับ มีอะไรหมดเลยครับ แต่ตำรวจเกาหลีถามกลับมาว่าคนนี้ชื่ออะไร ผมพยายามบ่ายเบี่ยงว่าไม่รู้ ถามว่ามีเบอร์คนนี้มั้ยมีโรงแรมคนนี้มั้ย ผมตอบไปว่าไม่มีครับ เพราะว่าถ้าจากในกล้องวงจรปิดเค้าสามารถไปจับตัวได้เลย ผมรู้สึกว่ามันไม่น่าจะหนักขนาดนั้น เพราะผมไม่ได้ทำให้ผมถึงกับตายเลย แต่ถ้าตำรวจมาเค้าติดคุกที่เกาหลีนะครับ ผมก็นึกกลับไปสิ่งดีๆที่เค้าทำให้ผมมันก็ยังมี นี่คือหลักฐานการแจ้งความที่เกาหลี มันจะบอกทุกอย่างเลย แล้วเค้าบอกกลับไปที่ไทยให้เอาไปที่สถานีตำรวจกับคลิปมันสามารถเอาความผิดได้ครับ ที่ไม่บอกตำรวจเกาหลี ผมสงสารเค้า ผมมองว่าเค้าก็แก่แล้ว ถ้าเกิดเค้าติดคุกที่นั่น ผมแค่รักษาสิทธิของผมในการโดนทำร้ายร่างกายแต่เรื่องเอาสะใจผมไม่ได้ต้องการขนาดนั้น ส่วนที่ไทย ที่ผมเงียบทุกอย่างต้องการจะพูดที่เดียวให้มันจบไปเลยครับว่ามันเป็นความจริงผมก็ยังจะแจ้งความ”

ผมให้อภัยนะที่เขาแถลง แต่ผมฟ้องอยู่ อย่างที่ผมบอกแม่ม้าวันตัดไหม ผมขอโทษนะครับสำหรับที่มองว่ามันก้าวร้าวเกินไปหรือปล่าวกับคำพูดนี้ ผมบอกว่าอยากให้บทเรียนกับแม่ แม่จะได้ไม่ต้องไปทำกับใคร ผมก็ได้บทเรียนจากเรื่องนี้เหมืนกันในเรื่องของสื่อของอะไร แม่ม้าก็ได้บทเรียนจะไปตีใครยังงี้ไม่ได้แล้วครับ พูดต่อหน้าเลยครับ แม่เค้าก็ยืนนิ่ง บอกเดี๋ยวเราไปเคลียร์กันที่ไทยนะครับ แม่เค้าพยักหน้า แล้วก็แยกกันวันนั้นเลยครับ ผมไม่มีความรู้ด้านกฎหมายเลยครับ แต่ที่บ้านผมคิดกันแล้วว่าจะฟ้อง แต่ผมจชนะไปแล้วผมได้อะไร จะถึงขนาดไหน จะเดินไปตบหน้าเค้าคืนตามคนที่เชียร์ผมหรอ ผมก็ทำไม่ได้ ณ ตอนนี้ผมก็ตอบไม่ได้จริงๆครับ ถ้าถามว่ายังฟ้องมั้ยฟ้องครับ”