เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของ กกต. ในการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการทั่วไปในปี 66 ว่า กกต. ได้เตรียมความพร้อมสำหรับการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่จะมีขึ้นไว้แล้วโดยทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่ได้วางแผนไว้ เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับแก้ไข) มีผลใช้บังคับ กกต. จะเร่งพิจารณาออกระเบียบและประกาศที่สืบเนื่องจาก พ.ร.ป.ทั้งสองฉบับ ทั้งเรื่องวิธีการสรรหาผู้สมัครไพรมารีโหวต และการจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด รวมทั้งการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งการแบ่งเขตเลือกตั้ง ทางสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัด (กกต.จว.) เตรียมจัดทำเขตเลือกตั้งตามรูปแบบไว้แล้วอย่างน้อย 3 รูปแบบ โดยยึดตามจำนวนประชากรปี 64 แต่หากช่วงต้นปีหน้ามีการประกาศจำนวนประชากรปี 65 จะต้องมีการคำนวณจำนวน ส.ส. ในแต่ละจังหวัดใหม่ และดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้งในจังหวัดที่มีการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส. ใหม่ แต่คาดว่าไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมาก

ทั้งนี้ ได้มีการจัดประชุมเชิงปฎิบัติการผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด (ผอ.กกต.จว.) ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นกลไกหลักขับเคลื่อนงานจัดการเลือกตั้งในแต่จังหวัด เตรียมความพร้อมและซักซ้อมความเข้าใจการปฏิบัติในรายละเอียดแล้ว 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 17-19 ส.ค. และวันที่ 30 พ.ย.-2 ธ.ค. 65 สำหรับการจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการเลือกตั้งและบุคลากรอยู่ระหว่างการจัดเตรียมเพื่อให้เป็นไปตามแผนดำเนินการ นอกจากนี้ กกต. ยังได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นฉลาดเลือก Smart Vote เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เช่น การตรวจสอบหน่วยเลือกตั้งที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีสิทธิลงคะแนน ข้อมูลผู้สมัคร ส.ส. ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง แยกตามเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แยกตามพรรคการเมือง และรายชื่อบุคคลซึ่งพรรคการเมืองเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งข้อมูลของพรรคการเมือง เป็นต้น

สำหรับงบประมาณจัดการเลือกตั้งได้จัดทำคำขอต่อสำนักงบประมาณเรียบร้อยแล้ว โดยเสนอคำขอไปประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อการเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการทั่วไปปี 62 กกต. ของบไปประมาณ 4,200 ล้านบาท สาเหตุที่มากกว่าเดิม เนื่องจากเขตเลือกตั้งเพิ่มขึ้นจาก 350 เขตเลือกตั้งเป็น 400 เขตเลือกตั้ง และใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ รวมทั้งจำนวนกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) เพิ่มขึ้นจากหน่วยละ 5 คน เป็นหน่วยละ 9 คน นอกจากนี้ ในส่วนของการสืบสวนไต่สวนการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ทาง กกต. ได้เตรียมการแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด และชุดเคลื่อนที่เร็วไว้ในทุกพื้นที่ รวมทั้งมีชุดปฏิบัติการข่าวทำหน้าที่สืบสวนหาข่าวในพื้นที่อยู่โดยตลอด

ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นผู้แจ้งเบาะแสการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง หากการแจ้งเบาะแสนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำผิด จะมีสิทธิได้รับเงินรางวัลตามที่ระเบียบกำหนด และหากบุคคลนั้นถูกข่มขู่ หรือคุกคาม ทาง กกต. ได้มีมาตรการคุ้มครองพยานให้ด้วย ดังนั้น ขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่า กกต. ได้เตรียมความพร้อมและมีแผนสำหรับรองรับสถานการณ์ไว้แล้ว.