จากกรณี หัวหน้าหน่วยกรมอุทยานฯ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เดินทางทยอยเข้าให้ปากคำตำรวจ บก.ปปป. แฉข้อมูลโดน นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรียกรับเงินโยกย้ายตำแหน่งนับแสนบาท เมื่อช่วงสายของวันที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมานั้น

ต่อมาเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. กล่าวว่า สำหรับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ที่มาให้ปากคำในฐานะพยานตามหมายเรียกวันนี้ เป็นกลุ่มของนายชัยวัฒน์ ที่นำเงิน 98,000 บาท ไปส่งให้นายรัชฎา และเป็นกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกเรียกรับเงิน ซึ่งจากการสอบปากคำ ทุกคนให้การเป็นประโยชน์และเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่าถูกบังคับ โดยส่วนใหญ่ไม่ยินยอมและไม่สมัครใจ แต่สาเหตุที่ยินยอม เพราะเกรงกลัวอำนาจ จึงยอมทำตามข้อเรียกร้องของนายรัชฎา

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนรายชื่อที่ปรากฏบนซองเงินของกลางภายในห้องทำงานจำนวน 21 ซอง สามารถตรวจสอบทราบบุคคลได้แล้ว 14 คน เป็นระดับหัวหน้าของหน่วยงานนั้นๆ ที่กล่าวอ้างว่า ถูกเรียกเก็บเงิน ล่าสุดได้ออกหมายเรียกแล้ว 6 คน ให้มาวันที่ 11 ม.ค. นี้ และจะออกหมายเรียกเพิ่มเติมอีก 8 คน ให้มาในวันที่ 12 ม.ค. เวลา 10.00 น. ซึ่งมีบางส่วนยินยอมจะเข้ามาให้ปากคำในฐานะพยาน ส่วนใครจะมาหรือไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็เป็นสิทธิ แต่ในทางคดี อนาคตพยานก็จะถูก ป.ป.ช. เรียกสอบปากคำในภายหลังเพิ่มเติมอยู่ดี

หน.หน่วยกรมอุทยานฯ-เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทยอยให้ข้อมูลแฉโดน ‘รัชฎา’ รีดส่วยนับแสน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า ส่วนการสอบเส้นทางการเงิน อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เบื้องต้นยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงปลายทางของเงินที่ถูกเรียกเก็บ แต่ยืนยันว่า หากเชื่อมโยงถึงใคร ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกัน ส่วนกระแสข่าวว่า หลังจากที่นายรัชฎา ได้รับการประกันตัวแล้ว จะเข้ายุ่งเหยิงข่มขู่กับพยานหลักฐานหรือไม่นั้น จากการตรวจสอบยังไม่พบว่ามีพฤติกรรมดังกล่าว

ด้าน หนึ่งในพยานกล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ว่า ยอมรับการให้ข้อมูลครั้งนี้ อาจมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานในอนาคต แต่เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ จำเป็นต้องออกมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพราะที่ผ่านมา มีปัญหาในเรื่องของการถูกตัดงบประมาณการดูแลป่าและสัตว์ป่า ขณะที่ในส่วนของการทำงานมีความยากลำบากมากขึ้น ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเข้าใจว่า คดีความที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับบุคลากรและหน่วยงาน ดังนั้นจึงอยากให้สังคมเข้าใจการทำงานของบุคลากรกรมอุทยานฯ เพราะที่ผ่านมา หลายคนมีปัญหาเรื่องหนี้สิน เนื่องจากงบประมาณการดูแลสัตว์ป่าถูกตัดออกไปมากถึง 70% ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้า ต้องกู้หนี้ยืมสิน เพื่อนำเงินมาใช้ในการปฏิบัติหน้าที่และดูแลลูกน้อง

พยานคนดังกล่าว กล่าวอีกว่า ขณะที่ในส่วนของการให้ปากคำ รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนรายละเอียดของคดี ก็เป็นไปตามที่หัวหน้าชัยวัฒน์ ร้องเรียนไว้ ส่วนข่าวลือว่ามีการข่มขู่พยานในคดี สำหรับตนเองนั้น ยังไม่ได้รับการข่มขู่จากใครแต่อย่างใด และไม่มีการกดดันจากผู้ใหญ่ในกระทรวง แต่คนอื่นตนไม่ทราบ.