เมื่อเวลา 13.09 น. วันที่ 16 ก.พ.ที่รัฐสภา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีนายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่าเรียกรับสูทผ้าไหม ราคาหลักหมื่นจากคนในหน่วยงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ว่า ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่ได้ตกต่ำหรือตกอับ ขนาดที่จะต้องเอาอะไรไปแลกกับชุดชุดผ้าไทย ตนมีปัญญาที่จะตัดเอง ไม่เคยรับของขวัญอะไรจากใคร ในราคาเกิน 3,000 บาท ทำไมตนจะไม่รู้ว่ามีประกาศของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในวันที่ 13 มี.ค. 63 และตนยังเป็นคนคอยเตือนคณะรัฐมนตรี (ครม.) และที่บอกว่าเรียกรับ เพื่อแลกกับการเป็นประธาน ในพิธีเปิดงานของ ป.ป.ท. ที่ตนกำกับดูแลนั้น ที่ผ่านมาไปร่วมงาน แต่ช่วงโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ไป ส่วนใหญ่จะวิดีโอคอลไป แม้กระทั่งในปีนี้ในเดือน ม.ค. ก็ไม่ได้ไป แต่อัดวิดีโอและส่งภาพไป ซึ่งไม่ได้มีการเอาของขวัญมาให้และไม่ได้รับ

นายวิษณุ กล่าวยอมรับว่าตนมีผ้าไทยหลายชุด เพราะชอบไปซื้อในงานโอทอป และช่วงหลังสุขภาพไม่ดี น้ำหนักลงไปถึง 10 กิโลกรัม ก็ต้องตัดชุดใหม่ โดยให้เจ้าหน้าที่ (เบิร์ด) เอาไปตัด โดยตนได้วัดไซซ์ทิ้งไว้ให้ ซึ่งเป็นการวัดไซซ์ตามปกติที่ทุกครั้ง ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จะมีการวัดไซซ์และส่งไปให้เจ้าหน้าที่ในจังหวัดนั้นๆ ตัดชุดประจำถิ่นให้ ครม. อยู่แล้ว ส่วนที่เจ้าหน้าที่ของตนจะนำไซซ์ของตัวเองไปร้านไหน ตนไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าเสียเงินค่าตัดทุกครั้ง ใครที่เอาไปแอบอ้าง ตนไม่ทราบเรื่องพวกนี้ ซึ่งในคลิปเสียงที่ ส.ส. คนดังกล่าวนำมาเผยแพร่ ยืนยันว่าไม่ใช่เสียงตน เพราะไม่เคยไปที่ร้านตัดเสื้อ ของใครทั้งสิ้น ดังนั้นยืนยันอีกครั้งว่า ตนไม่ได้ตกต่ำจนขนาดนั้น และการที่พูดว่าตนไปตัดสูทก็ไม่ใช่แล้ว เพราะสูทที่ใช้อยู่มีเพียงยี่ห้อเดียว Arrow โดยนายวิษณุ ได้เปิดกระดุมเสื้อสูทให้ดูว่าเป็นยี่ห้อดังกล่าวจริง

เมื่อถามว่าจากนี้จะมีการฟ้องร้องคนที่กล่าวหาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ขอดูก่อน เพราะตนไม่อยากค้าความ หากจำเป็นก็จะทำ เพราะประโยคที่รุนแรงคือ คำว่าเรียกรับ แลกกับการไปเป็นประธาน ซึ่งในการอภิปรายหากมีเวลาเหลือเพียงพอตนก็จะขอชี้แจง แต่หากเวลาไม่เหลือก็ไม่อยากรบกวนเวลาของสภา ย้ำว่าตนขอปฏิเสธทั้งหมดดังนั้นแล้วใครที่คิดไปอ้าง ตนไม่ทราบ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้ให้เจ้าหน้าที่ติดต่อไปยังร้านที่ ที่เคยนำผ้าของตนไปตัดเสื้อ ซึ่งทางร้านบอกว่ามีคนมาติดต่อเหมือนกัน ให้พยายามช่วยเขียนใบเสร็จในราคา 5,000 บาท จากเดิมค่าตัดจริงชุดละ 2,500 บาท โดยอ้างว่ามีส่วนต่าง เพื่อจะนำไปเบิก ซึ่งตนไม่รู้ว่าคนคนนั้นคือใคร และมีการทำในลักษณะนี้ 2-3 ครั้ง โดยร้านดังกล่าวตั้งอยู่ไม่ไกลจากอาคารรัฐสภาแห่งนี้

“จากการที่ให้เจ้าหน้าที่ไปคุย กลายเป็นมีเรื่องที่ว่ามีคนมีเอาผ้าไปให้ที่ร้านตัดแล้วบอกว่าจะตัดให้รองนายกฯ วิษณุ และถามคนตัดว่าคิดค่าตัดเท่าไหร่ และให้ช่วยเขียนใบเสร็จ 5,000 บาท เพื่อจะเอาไปเบิกส่วนต่าง เพื่อจะได้ส่วนต่าง ซึ่งทางร้านไม่ยอมเขียนให้ เขาจึงได้นำไปทั้งต้นขั้วและใบเสร็จนั้นในราคา 2,500 บาท”

เมื่อถามย้ำว่าลักษณะนี้เข้าข่ายสร้างหลักฐานเท็จหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็เขาพูดไปแล้ว ตนก็ไม่รู้ ส่วนมีความพยายามเชื่อมโยงในการอภิปรายในครั้งนี้หรือไม่ โดยนำประเด็นการตัดสูทขึ้นมากล่าว นายวิษณุ กล่าวว่า ตนขอไปตรวจสอบพูดคุยในรายละเอียดกับเจ้าของร้านอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นหลักฐานเดียวกันกับที่ ส.ส. คนดังกล่าวนำมาอภิปรายหรือไม่ เพราะไม่เห็นมีหลักฐานอะไรนอกจากเสื้อตัวเดียว ที่ฝากไว้ที่ประธานในที่ประชุมเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งขอให้นำเสื้อตัวดังกล่าวคืนกลับไป ตนไม่รับเสื้อดังกล่าวมาใส่ให้เป็นกาลกิณี และถือเป็นความพยายามทุกทางของฝ่ายค้านที่จะดิสเครดิตตน ถ้าจะดิสเครดิตตน บอกว่ารับนาฬิกา รับบ้าน และรับที่ดิน จะเข้าท่ากว่า เอาชีวิตไปแลกกับชุดไทยพระราชทานเพียงตัวเดียวหรือสองตัว ตนไม่มีประวัติอย่างนั้นในชีวิต

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ตั้งใจจะชี้แจงตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ในเวลา 22.00 น. แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะนอนฟอกไต มีสายโยงออกจากท้องอยู่ที่บ้าน ต้องฟอกไตทุกคืน คืนละ 10 ชั่วโมง ยอมรับว่าสุขภาพตอนนี้มีปัญหา จึงจำเป็นต้องตัดชุดไทยถึง 10 ชุด ไม่สามารถใส่สูทได้ เนื่องจากสูทต้องใส่ต้องใส่เข็มขัดรัดและติดกระดุมกดทับไปที่แผลแล้วเจ็บ จึงต้องตัดชุดไทยพระราชทาน ปล่อยชายให้คลุมแทน ยืนยันว่าไม่เคยตัดชุดในราคาเป็นหมื่นเป็นแสน ทั้งนี้ ช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์นายวิษณุได้ปลดกระดุมเสื้อ เพื่อให้เห็นรอยแผลที่มีสายฟอกไตออกมา และย้ำอีกครั้งว่าใส่สูทไม่ได้ เพราะไปกดทับแผล.