เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาติดตามความคืบหน้า 2 คดี คดีแรก คดีกระทำชำเราเด็กหญิงในพื้นที่ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ เนื่องจากเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 65 ทางสื่อมวลชนได้รับร้องเรียนจากผู้ปกครองของเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.1 ว่าได้ถูกล่อลวงจากหอพักของโรงเรียนไปกระทำชำเราที่ร้านน้ำปั่น ทางตำรวจจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ผู้เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังพบมีเด็กที่เป็นเหยื่อจากการกระทำชำเราอีกหลายราย จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวนดำเนินคดี รวมทั้งสิ้น 9 คดี และดำเนินคดีกับบุคคลทั้งหมด 25 ราย พนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับในส่วนผู้ต้องหาที่เป็นผู้ใหญ่ ส่วนผู้ต้องหาเด็กได้มีหมายเรียกให้มอบตัวแล้ว ขณะนี้นำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีแล้ว 24 คน คงค้างผู้ต้องหาที่เป็นผู้ใหญ่ 1 คน อยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่งจะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ครบถ้วนต่อไป

คดีที่ 2 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 65 เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายลักพาตัว Mr.Ren Haibo สัญชาติจีน แล้วถ่ายคลิปตัดนิ้วเพื่อเรียกค่าไถ่ โดยมี น.ส.อริสรา ศุภสิริบัณฑิตย์ แฟนสาวสัญชาติไทย มาแจ้งความเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบสวนจับกุมผู้ก่อเหตุชาวจีนได้ทั้ง 2 ราย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ภ.จว.ชลบุรี ดำเนินคดี ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า น.ส.อริสรา มีการสวมตัวทำบัตรในพื้นที่ สภ.เชียงดาว จึงจัดให้มีการดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีรายการโอนเงินจาก บัญชี MR.Hai Bo Ren สามีผู้ต้องหา ทั้งก่อนเวลาทำบัตรประชาชน และหลังทำบัตรประชาชน พนักงานสอบสวนฯ จึงได้ยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องประกอบด้วย ปลัดอำเภอผู้ทำบัตร, กำนันผู้รับรอง, ผู้ใหญ่บ้านผู้รับรอง และบิดาของเด็กหญิงที่ถูกสวมบัตร และต่อมาขยายผลไปขอหมายจับบุคคลที่เป็นผู้ติดต่อหาทะเบียนบุคคลที่ไม่มีความเคลื่อนไหวเพื่อนำไปใช้ในการสวมบัตรอีก 3 คน คือ อดีตกำนัน 1 คน ใน อ.ลี้ จ.ลำพูน และ อดีตผู้ใหญ่บ้าน 1 คน และผู้ใหญ่บ้านอีก 1 คน ในเขต อ.แม่ระมาด จ.ตาก รวมทั้งดำเนินคดีกับนางหย่งฮุ้ยฯ ผู้สวมตัวทำบัตรและสามี MR.Hai Bo Ren ในความผิดเกี่ยวกับการให้สินบนเจ้าพนักงานอีกด้วย โดยสรุปการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในคดีนี้ มี 9 คน จับได้แล้ว 7 คน ยังคงหลบหนีอีก 2 คน ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องนายทุนจีนที่มาซื้อที่ดินในพื้นที่จ.เชียงใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยประสานกรมที่ดินขอข้อมูลทั้งหมดคาดว่าประมาณ 2 อาทิตย์ จะได้ข้อมูลทั้งหมด จากนั้นก็จะได้บังคับใช้กฎหมายร่วมกัน วันนี้ยอมรับว่ามีเยอะแต่ไม่ได้เกิดจากใคร ก็มาจากคนไทยที่ให้ความร่วมมือ หากไม่ให้ความร่วมมือคนต่างชาติ ไม่ใช่แค่เฉพาะคนจีน ก็ไม่ทำอะไรคนไทยไม่ได้ ก็มีคนไทยด้วยกันเองและเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ต้องฝากสื่อมวลชนช่วยตรวจสอบจุดเริ่มต้นมาจากการเริ่มสวมบัตรก่อน เพื่อให้ได้สิทธิการเป็นคนไทย ตนจับทัวร์ศูนย์เหรียญเมื่อ 6 ปีที่แล้วก็เป็นแบบนี้ วันนี้สถานการณ์หนักขึ้นเพราะประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากมาอยู่ อยากเดินทาง วันนี้เราต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย และเอาข้อมูลจากสื่อโซเชียลมีเดีย วันนี้รายงานจากลูกน้องอาจจะไม่กว้างขวางพอ ต้องอาศัยข้อมูลจากเฟซบุ๊ก สื่อออนไลน์ ติ๊กต็อก ข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการทำงาน.