เมื่อวันที่ 4 มี.ค. นพ.สูงชัย อังธารารักษ์ อายุรแพทย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กล่าวถึงกระแสข่าวนายกรัฐมนตรีมีอาการมือบวมไม่หาย และคนใกล้ชิดระบุว่าอาจจะเป็นโรคเกาต์เทียม ว่า โรคเกาต์เทียมแม้ว่าจะเป็นการอักเสบเหมือนกับเกาต์ปกติ แต่มีความแตกต่างหลายๆ ด้าน จากโรคเกาต์ปกติ โดยเกาต์ปกติเกิดจากกรดยูริกสูง และมีผลึกเป็นเข็ม ส่วนเกาต์เทียม จะมีผลึกเป็นเหลี่ยม ไม่ได้เกิดจากกรดยูริก แต่เป็นโรคหนึ่งที่พบในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และความผิดปกติของแร่ธาตุ โดยเฉพาะแคลเซียมสูงเกิน ฟอสเฟตสูงเกิน เกิดขึ้นในช่องว่างระหว่างข้อกระดูก ทำให้เกิดการอักเสบแบบเฉียบพลันที่ตำแหน่งข้อเข่า และข้อมือ มีอาการข้ออักเสบ ปวด บวม แดง ร้อน การวินิจฉัยต้องตรวจจากน้ำไขข้อ

“ตัวกระตุ้นให้เกิดข้ออักเสบเฉียบพลัน หรือข้ออักเสบกำเริบ เขาพูดถึงคนที่อยู่ในภาวะที่ร่างกาย และจิตใจได้รับความเครียด เช่น ที่พบบ่อย คือคนสูงอายุที่มานอนโรงพยาบาลด้วยการเจ็บป่วยโรคอื่นๆ หรือนอนโรงพยาบาลหลังผ่าตัดสัก 2-3 วัน แล้วเกิดภาวะข้ออักเสบเฉียบพลัน อันนี้จะเจอได้บ่อย หรืออีกอย่างอาจจะได้รับอุบัติเหตุเล็กๆ น้อย”

ส่วนการป้องกันนั้นเนื่องจากพบในผู้สูงอายุ เป็นไปตามวัย จึงเป็นเรื่องที่ป้องกันได้ยาก แต่ในเรื่องการรักษานั้น จะรักษาตามอาการเหมือนเกาต์ทั่วไปที่เกิดการอักเสบ โดยยาต้องให้แพทย์เป็นผู้สั่งจ่าย อย่าบีบ อย่านวด อย่าประคบร้อน อยู่เฉยๆ แต่ให้ประคบเย็นได้ ทั้งนี้ โดยทั่วไปจะหายภายใน 7-14 วัน สามารถเกิดซ้ำได้ แต่ไม่บ่อยเท่าเกาต์ทั่วไป และไม่ได้นำไปสู่การเป็นเกาต์ทั่วไปแต่อย่างใด เพราะถือว่าเป็นคนละโรคกัน เพียงแต่อาการแสดงคล้ายกันเท่านั้น

เมื่อถามว่าในบางพื้นที่โดยเฉพาะต่างจังหวัด เมื่อปวดเมื่อตามข้อ มักไปซื้อยาชุดกิน มีอันตรายหรือไม่ นพ.สูงชัย กล่าวว่า ไม่แนะนำให้ซื้อยากินเอง เพราะมันมีความคล้ายคลึงกันหลายโรค ประชาชนแยกโรคเองได้ยาก โดยเฉพาะยาชุด ห้ามไปซื้อกินเด็กขาด เพราะในยาชุดประกอบด้วยยาหลายขนานด้วยกัน เช่น ยาต้านอักเสบ 1-2 ตัว ซึ่งอาจจะมีตัวยาต้านการอักเสบที่มีสเตียรอยด์ หรือไม่มีสเตียรอยด์ก็ได้ อีกทั้งมีการใช้ปริมาณสูง อาจจะทำให้เห็นว่ารักษาโรคได้เร็ว แต่ข้อเสียเยอะ โดยเฉพาะตับ ไต ไขกระดูก และกระเพาะอาหาร หากซื้อมากินจากคนที่ไม่มีความรู้ จากยาที่ใช้รักษาโรค จะกลายเป็นยาพิษได้.