เมื่อวันที่ 17 มี.ค. พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมคดีอาชญากรรมที่น่าสนใจในรอบสัปดาห์ 5 คดี โดยคดีที่น่าสนใจ ประกอบไปด้วย คดีแรกการจับกุมของตำรวจ กก.4 บก.สส.สตม. นำโดย พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม. นำกำลังจับกุม นายหม่า อายุ 31 ปี สัญชาติจีน

โดยก่อนหน้านี้ได้รับการประสานงานจากสำนักงานกงสุลนครคุนหมิง และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ว่ามีผู้ต้องหาตามหมายจับรายสำคัญก่อเหตุอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในการฉ้อโกงประชาชนมีมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท แล้วหลบหนีการจับกุมเข้ามาภายในประเทศไทย จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า นายหม่า หลบหนีและพักอาศัยอยู่ในพื้นที่มักกะสัน และติดตามจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา

สามารถจับกุมตัวได้ที่ซอยราชปรารภ หลังจับกุมตัวเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบหนังสือเดินทางและพบว่าเป็น นายหม่า ผู้ต้องหาตามหมายจับของประเทศจีนจริง และยังยอมรับสารภาพด้วยว่า ได้ตั้งกลุ่มบริษัทซื้อขายรถยนต์ปลอม จากนั้นก็โฆษณาชวนเชื่อให้เหยื่อมาซื้อรถหรือเช่ารถผ่านแอปพลิเคชัน พอมีคนเชื่อโอนเงินมาซื้อหรือเช่าได้เงินจำนวนมาก็ปิดบริษัทหลบหนีมาอยู่เมืองไทยเรื่อยมา

คดีที่ 2 เป็นการจับกุม นายลู่ อายุ 52 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อหาลักลอบนำเข้าสินค้าเม็ดพลาสติก โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยได้รับการประสานงานจากตำรวจสาธารณรัฐประชาชนจีนหน่วยปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ แจ้งข้อมูลว่า นายลู่ ได้หลบหนีเข้ามายังประเทศไทย เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี จากการตรวจสอบพบว่าพักอาศัยอยู่ภายในคอนโดฯ แห่งหนึ่งย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ จึงได้เข้าตรวจสอบหนังสือเดินทาง แต่นายลู่ไม่สามารถนำหนังสือเดินทางมาแสดงได้จึงทำการตรวจสอบลายนิ้วมือกับระบบไบโอเมตริกซ์ พบว่ามีการเดินทางออกจากประเทศไทยตั้งแต่ปี 2556 และไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาภายในประเทศไทยอีก คาดว่าจะหลบหนีเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

นอกจากนี้ยังแถลงผลการจับกุมชาวต่างชาติที่กระทำความผิด และหลบหนีคดีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย อีก 3 คดี โดยได้รับการประสานงานและข้อมูลจากสถานทูตและสถานกงสุลแต่ละประเทศเพื่อติดตามจับกุม ซึ่งสามารถจับผู้ต้องหาได้ 4 ราย เป็นชาวจีน 1 ราย คดีข่มขืนชาวจีนในพื้นที่ สน.ประเวศ และหลบหนีไปอยู่จังหวัดระยอง โดยตำรวจ สน.ประเวศ ได้ประสาน ตม.ติดตามจับกุม อีกทั้งจับกุมชาวฝรั่งเศส จำนวน 2 ราย ในข้อหาเกี่ยวกับจำหน่ายยาเสพติดองค์กรอาชญากรรม และฉ้อโกง โดยทั้ง 2 รายจับกุมตัวได้ที่จังหวัดภูเก็ต รวมถึงชาวไต้หวัน มีพฤติการณ์หลบหนีคดีจ้างวานฆ่าคู่อริในไต้หวัน เนื่องจากถูกโกงเงินพนันกว่า 50 ล้านบาท โดยมีการกราดยิงปืนในที่สาธารณะกว่าร้อยนัด สามารถจับกุมตัวได้ที่ อ.พัทยา จ.ชลบุรี

พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบการกระทำผิดที่เชื่อมโยงกับองค์กรอาชญากรรมในประเทศไทย โดยผู้ต้องหาทั้งหมดตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ควบคุมตัวไว้เพื่อสอบปากคำ และแจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง อาทิ ฐานลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต อยู่เกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เพื่อดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และผลักดันออกนอกราชอาณาจักรต่อไป.