เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 29 ส.ค. ที่บริเวณทางลงอุโมงค์เกษตร แยกบางเขน-มุ่งหน้าวิภาวดีรังสิต นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดกิจกรรมชุมนุมแบบ “Car Mob – Call Out” ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม

เวลา 15.00. น. เคลื่อนไปขบวนบริเวณทางอุโมงค์ทางลงแยกเกษตร ก่อนเคลื่อนขบวนออกจากจุดนัดไปสะพานข้ามถนนวิภาวดีรังสิต ถนนงามวงศ์วาน ข้ามแยกพงษ์เพชร เข้าเขต จ.นนทบุรี ตรงไปสะพานข้ามแยกแคราย ขึ้นสะพานพระนั่งเกล้า ผ่านแยกท่าอิฐ วนสะพานยกระดับโค้งขวาไปตาม ถนนราชพฤกษ์ เกาะช่องจราจรซ้ายสุด ขึ้นยกระดับวนขวาอีกครั้งเข้า ถนนชัยพฤกษ์ ขึ้นสะพานพระรามสี่ ลงตรงห้าแยกปากเกร็ด เลี้ยวซ้ายเข้าถนนติวานนท์ ไปทางแยกสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ มุ่งหน้าเข้าเขต จ.ปทุมธานี ข้ามสะพานปทุมธานี ไปสุดทางที่ลานจอดรถสวนเทพปทุม อ.เมือง ปทุมธานี ริมแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าศาลากลางจังหวัดปทุมธานีหลังเก่า

เวลา 17.30 น. ขบวนได้เคลื่อนมาที่ จ.ปทุมธานี ปักหลักที่ด้านหน้าศาลากลางปทุมธานี หลังใหม่ ต.บางปรอก อ.เมือง จ.ปทุมธานี นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ได้ขึ้นปราศรัยบนรถเครื่องขยายเสียง โดยโจมตีการทำงานของรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ล้มเหลวของแก้ไขการระบาดของโรคโควิด-19 และนัดหมายวันที่ 2, 3, 4 ก.ย.64 ออกมาขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ โดยจะไม่เคลื่อนขบวนไกลแบบนี้อีก จากนั้นยุติชุมนุมในเวลา 18.45 น.

ทั้งนี้ช่วงเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน กลุ่มทะลุแก๊ส นัดรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เผาสาปแช่งนายกฯ และคณะรัฐมนตรี ก่อนเคลื่อนไปยังแยกราชประสงค์ จากนั้นนัดหมายรวมตัวกันที่สามเหลี่ยมดินแดง เวลา 17.00 น. รวมพลังเผาสาปส่งพวกทรราช

อย่างไรก็ตาม เวลา 16.30 น. ยังไม่ถึงเวลานัดหมายดี กลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ก่อนเดินเท้ามุ่งหน้าไปยังบริเวณทางลงทางด่วนดินแดง ช่วงก่อนถึงตู้คอนเทเนอร์ที่ตั้งขวางถนนวิภาวดีรังสิต เส้นทางมุ่งหน้า ร.1 ทม.รอ. ที่พักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จากนั้นได้เปิดฉากปาระเบิดขวด ประทัดยักษ์ ยิงลูกแก้วใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ทำให้เจ้าหน้าที่ ต้องเคลื่อนรถจีโน่ออกมา พร้อมทั้งใช้กระสุนยาง แก๊สน้ำตาตอบโต้กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวอยู่เป็นระยะ รวมถึงขว้างปาประทัดยักษ์ใส่ตู้คอนเทเนอร์ที่ตั้งอยู่ใต้ทางด่วน และ ขี่รถจักรยานยนต์ เร่งเครื่องส่งเสียงดังไป

เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ออกมาจากที่ตั้งเพื่อใช้รถน้ำจีโน่ จำนวน 2 คัน ฉีดสีเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อแยกกลุ่มผู้ชุมนุมที่กระทำผิด กับกลุ่มสื่อมวลชนให้ชัดเจน ก่อนให้เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงเข้าจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุ แต่กลุ่มวัยรุ่นก็ถอยไปตั้งหลัก และตอบโต้ด้วยไปป์บอมบ์และประทัดที่มีสะเก็ดหินและลูกแก้ว บรรจุอยู่ภายใน ทำให้เมื่อระเบิดจะกระเด็นแตกกระจาย ขณะเดียวกัน มีวัยรุ่นรายหนึ่ง ถือวัตถุคล้ายอาวุธปืน ยิงเข้าใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บไปแล้วหลายนายด้วยกัน

เวลา 17.45 น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. กล่าวว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบการโยนระเบิดชนิดต่างๆ ทั้งไปป์บอมบ์ ระเบิดแสวงเครื่อง ประทัดยักษ์ ทุกรูปแบบเข้าใส่แนวเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยขณะนี้มีตำรวจ 3 นาย ได้รับบบาดเจ็บ ได้รับการดูแลจากแพทย์เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เมื่อช่วงเวลา 16.40 น. ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการก่อเหตุความไม่สงบนั้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนกลุ่มที่รวมตัวกันก่อเหตุแล้วว่า การกระทำดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ขอให้ยกเลิกการก่อเหตุ ทั้งนี้อยากเตือนผู้ชุมนุมให้หยุดการกระทำ มิฉะนั้นตำรวจมีความจะเป็นจำต้องบังคับใช้กฎหมาย ในการรักษาความสงบเรียบร้อย

เวลา 18.35 น. เกิดเหตุความวุ่นวายขึ้น เมื่อมีตำรวจนอกเครื่องแบบ มาถ่ายรูปมวลชนที่มาร่วมชุมนุมบริเวณอาคารประกันภัยไทยวิวัฒน์ โดยชายฉกรรจ์ทำให้มวลชนไม่พอใจ ก่อนปรี่เข้าไปทำร้ายร่างกาย ทั้งชกต่อย และใช้ด้ามธงทำร้ายที่ใบหน้า จนใบหน้าชายคนดังกล่าวมีเลือดออกเป็นจำนวนมาก จนเหตุการณ์เริ่มบานปลาย แต่ก็มีมวลชนส่วนหนึ่งเข้ามาห้าม เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ถูกทำร้ายไปมากกว่านี้ จนเหตุการณ์ก็เริ่มยุติลง เมื่อเจ้าหน้าที่พยาบาลได้มาถึงบริเวณลานจอดรถอาคาร ก่อนนำตัวส่ง รพ.พระมงกุฎฯ

ต่อมาเวลา 19.00 น. กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้ากระชับพื้นที่บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง โดยใช้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษเคลื่อนที่เร็ว เข้าจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุ โดยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจากทั้งขาเข้าและขาออกถนนวิภาวดีรังสิต และมาจากทางอนุสาวรีย์​ชัยสมรภูมิ​ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมต้องหลบหนีแยกย้ายไปทางถนนอโศก-ดินแดง

จากนั้นเวลา 19.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน แม้กลุ่มผู้ชุมนุมจะแตกกระจายแยกย้ายไปแล้ว แต่ยังคงมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนหลบหนีเข้าไปยังแฟลตดินแดง และมีการขว้างปาไปป์บอมบ์ และระเบิดปิงปอง รวมถึงพลุไฟเป็นระยะ

วงเวลา 20.30 น. กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถอนกำลังถอยเข้าไปปักหลักหลังแนวตู้คอนเทเนอร์ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ออกจากบริเวณแฟลตดินแดง มารวมตัวกันอีกครั้งบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง โดยมีการจุดระเบิดเพลิงและเผาบริเวณกลางถนน

จากนั้น เวลา 21.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาจากบริเวณแฟลตดินแดงปักหลัก จุดประทัดและไปป์บอมบ์ เป็นระยะๆ ขณะเดียวกันมีกำลังเจ้าหน้าที่บางส่วน หน่วยเคลื่อนที่เร็วได้ออกมาจากอนุสาวรีย์ เพื่อมายังสามเหลี่ยมดินแดง และเลี้ยวซ้ายไปยังถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งทางผู้ชุมนุมคิดว่าจะมีการจับกุม จึงถอยร่นไป พร้อมทั้งได้มีการจุดพลุไฟเข้าใส่เจ้าหน้าที่ที่ขับผ่าน ซึ่งบริเวณตรงนั้นมีกลุ่มผู้สื่อข่าวปักหลักทำข่าวอยู่

ช่วงเวลา 21.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ชุดเคลื่อนที่เร็วของตำรวจควบคุมฝูงขนดำเนินจรยุทธ์ด้านการกดดันผู้ชุมนุมให้ออกจากพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดง ด้วยการนำกำลังประมาณ 30 นาย ขึ้นรถกระบะจากถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้ากำลังเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปทาง รพ.ทหารผ่านศึก ปรากฏว่า มีผู้ชุมนุมซึ่งปักหลักอยู่บนถนนฝั่งตรงข้าม ทิศทางมุ่งหน้าแยกแม่พระ จุดพลุไฟข้ามมาใส่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งผลให้มีสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ส่วนผู้ชุมนุมยังคงจุดพลุ ประทัด และเผาเชื้อเพลิงอยู่บนท้องถนนเป็นระยะๆ

เวลา 22.40 น. บริเวณแยกดินแดง ถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งขาออก กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนยังคงปักหลักต่อเนื่อง และนำกล่องกระดาษมาวางซ้อนกันแล้วจุดไฟเผาบนถนนดังกล่าว รวมถึง ขว้างปาประทัด และตะโกนยั่วยุด่าทอเจ้าหน้าที่ที่ตั้งแนวกั้นอยู่บริเวณหน้าโรงพยาบาลทหารผ่านศึกเป็นระยะๆ

เวลา 22.50 น. ทางเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนรถออกจากจุดดังกล่าว ขณะที่ผู้ชุมนุมต่างพากันแยกย้ายออกจากพื้นที่ และไปรวมกลุ่มที่บริเวณหน้าปากซอยแฟลตดินแดง 1 พร้อมทั้งจุดประทัดดังเป็นระยะเช่นเดิม ก่อนจะแยกย้ายกันไปในที่สุด