เมื่อวันที่ 28 มี.ค. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายกรัฐมนตรีกำชับให้กระทรวงการต่างประเทศ ประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่องในการเร่งแก้ปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 ที่ข้ามแดน ว่า กระทรวงการต่างประเทศมีการติดต่อและประสานงานรัฐบาลเมียนมา และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อให้ช่วยกันแก้ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองข้ามแดน

อย่างไรก็ตาม ตนได้แจ้งต่อที่ประชุม ครม.ในวันนี้ (28 มี.ค.) ให้ทราบว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้หารือกับเอกอัครราชทูตเมียนมา และเอกอัครราชทูต สปป.ลาว ประจำประเทศไทย อีกครั้ง เพื่อเน้นย้ำถึงการแก้ปัญหานี้และฝุ่น PM 2.5 ขณะเดียวกัน เอกอัครราชทูตไทยที่ประจำการในเมียนมา และสปป.ลาว ได้พูดคุยประสานงานกับผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศนี้ด้วย โดยครั้งนี้เราได้เน้นย้ำว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทางการของ 2 ประเทศ จะต้องเร่งหาทางลดหรือเลิกการเผาป่าหรือพื้นที่ปลูกพืช เพราะส่งผลกระทบร้ายแรงกับประชาชนในประเทศเหล่านี้ และลุกลามข้ามมาถึงสุขภาพของคนในประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ ฝ่ายเมียนมา และสปป.ลาว ได้รับปากที่จะเร่งดำเนินการเรื่องนี้

นายดอน กล่าวอีกว่า นับจากนี้ เราจะติดตามผลและทวงถามความคืบหน้าทุกวัน พร้อมกับกระตุ้นทางการทั้ง 2 ประเทศ ให้เร่งดำเนินการแก้ปัญหา ทั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการกดดันประเทศเพื่อนบ้าน แต่เป็นการย้ำให้เขารับรู้ถึงความจำเป็นและความสำคัญของปัญหาที่ได้สร้างอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนทุกเพศทุกวัยในประเทศเขาเอง รวมถึงอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย ที่อยู่ติดกับเมียนมา และสปป.ลาว โดยเราทราบว่ามีฮอตสปอต 15,000 กว่าจุด ส่วนจุดความร้อนที่อยู่ในไทยก็มีจำนวนมากผิดปกติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการแก้ไข รวมถึงต้องทำให้ดีที่สุดและได้ผลมากที่สุด เพื่อสุขภาพของประชาชน