เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 66 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2 ราย คือ นายธวัชชัย เทิดเผ่าไทย กรรมการการเลือกตั้ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 65 และนายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 66 

โดยนายธวัชชัย พร้อมด้วยนางดนุชา เทิดเผ่าไทย แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 436,412,852 บาท ไม่มีหนี้สิน แบ่งเป็นทรัพย์สินนายธวัชชัย 146,862,852 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 10,072,852 บาท ที่ดิน 21 แปลง 121,050,000 บาท ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ อ.เมืองระยอง และอ.ปลวกแดง จ.ระยอง, อ.คอลงใหญ่ จ.ตราด, อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เป็นต้น ส่วนยานพาหนะ 5,040,000 บาท เป็นรถยนต์อีซูซุ 1 คัน รถยนต์เบนซ์ จีแอลซี 1 คัน ทรัพย์สินอื่น 10,700,000 บาท โดยเป็นพระเครื่องทั้งหมด 43 องค์ ส่วนทรัพย์สินคู่สมรส 289,550,000 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 49,000,000 บาท ที่ดิน 11 แปลง 234,300,000 บาท ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ อ.เมืองตราด อ.คลองใหญ่ จ.ตราด และ ยานพาหนะ 6,250,000 บาท เป็นรถยนต์ฮอนด้า 1 คัน รถยนต์เบนซ์ เอ็มแอล 1 คัน

ที่น่าสนใจคือ นายธวัชชัย แจ้งว่า สลากออมสินของคู่สมรสมูลค่า 49,000,000 บาทนั้น เป็นสลากที่คู่สมรสถือครองแทนบิดามารดาคู่สมรส โดยใช้เงินฝากและสลากออมสิน ตามบัญชีทรัพย์สินที่แจ้งเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง กกต.ไปจัดซื้อ ซึ่งเงินตามบัญชีเงินฝากและสลากออมสินที่รายงานตอนเข้ารับตำแหน่ง แท้จริงแล้วคือเงินของบิดามารดาของคู่สมรส ที่ให้ถือครองแทน โดยสาเหตุที่แจ้งว่าเป็นทรัพย์สินของคู่สมรสเพราะตนได้บอกให้ภรรยาว่าถ้ามีเงินฝากหรือเงินที่ไปลงทุนที่เป็นชื่อของภรรยาให้รายงานบัญชีทรัพย์สินไปทั้งหมด โดยที่ภรรยาไม่ได้บอกให้ตนทราบว่าเงินตามบัญชีเงินฝากและสลากออมสินแท้จริงแล้วเป็นเงินของบิดามารดา หรือเงินกงสี ที่ให้ภรรยาตนถือครองแทน ตนจึงได้รายงานบัญชีทรัพย์สินตอนเข้ารับตำแหน่ง กกต. โดยไม่ได้มีหมายเหตุอธิบายให้เข้าใจ เป็นเพราะความเข้าใจผิดของตน และไม่ได้สอบถามรายละเอียด

อย่างไรก็ตาม นายธวัชชัย แจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 2,913,157 บาท แบ่งเป็นเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง 2,753,157 บาท เบี้ยประชุม 160,000 บาท โดยมีรายจ่ายต่อปี 1,200,000 บาท ส่วนคู่สมรสไม่แจ้งรายได้ แต่แจ้งรายจ่ายต่อปี 1,200,000 บาท นอกจากนั้นนายธวัชชัยยังแจ้งว่า เคยดำรงตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการสังกัดองค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย เมื่อปี 59 ก่อนเข้ารับตำแหน่ง กกต. ในปี 61 ขณะที่คู่สมรสไม่ได้แจ้งว่ามีตำแหน่งในหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ หรือหน่วยงานเอกชนแต่อย่างใด

ส่วนนายทวีเกียรติ พร้อมด้วย นางรจนากร มีนะกนิษฐ คู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิน 22,762,254 บาท หนี้สิน 1,467,882 บาท โดยแบ่งเป็นทรัพย์สินของ นายทวีเกียรติ 11,798,528 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 788,128 บาท เงินลงทุน 3,950,500 บาท ที่ดิน 1 แปลง 2,500,000 บาท ในพื้นที่ อ.เมืองนครนายก ส่วนโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1 รายการ 1,500,000 บาท เป็นห้องชุด ย่าน อ.เมืองนนทบุรี ยานพาหนะ 300,000 บาท และทรัพย์สินอื่น 2,760,000 บาท โดยเป็นทองคำแท่งน้ำหนัก 92 บาท

นอกจากนั้นยังแจ้งว่า มีสิทธิและสัมปทาน (หนังสือ) ประมวลกฎหมายอาญา ฉบับอ้างอิง, สังคมกับกฎหมาย, คำอธิบายกฎหมายอาญา ภาคทั่วไป, คำอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผิดและลหุโทษ ซึ่งไม่ได้แจ้งมูลค่า ส่วนหนี้สิน ซึ่งแจ้งว่าเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 1,467,882 บาท ส่วนทรัพย์สินคู่สมรส 10,963,626 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 1,169,856 บาท เงินลงทุน 953,760 บาท ที่ดิน 1 แปลง 4,400,000 บาท ในพื้นที่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ส่วนโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2 รายการ 3,550,000 บาท เป็นห้องชุด ในย่าน อ.เมืองนนทบุรี ยานพาหนะ 890,000 บาท

อย่างไรก็ตาม นายทวีเกียรติ แจ้งว่า มีรายได้ต่อปี 2,994,606 บาท แบ่งเป็น เงินเดือน 983,040 บาท เงินประจำตำแหน่ง / ค่ารับรอง 1,200,000 บาท เงินบำนาญ 465,966 บาท และเงินค่าลิขสิทธิ์ 345,600 บาท โดยมีรายจ่ายต่อปี 920,000 บาท ส่วนคู่สมรส แจ้งว่าเป็นข้าราชการบำนาญ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มีรายได้ต่อปี 530,439 บาท เป็นเงินบำนาญทั้งหมด มีรายจ่ายต่อปี 430,000 บาท

นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของอดีต ส.ส. กรณีพ้นจากตำแหน่ง รวม 8 ราย และกรณี ส.ว.พ้นจากตำแหน่ง 1 ราย ได้แก่ นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ พ้นจากตำแหน่ง 19 ม.ค.66 แจ้งสถานะว่าหย่า เมื่อ 14 ก.ค.53 มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 6,551,271 บาท ได้แก่ เงินฝาก 750,059 บาท เงินลงทุน 197,462 บาท ที่ดิน 1,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 600,000 บาท ยานพาหนะ 2,900,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 500,000 บาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) 450,000 บาท มีหนี้สิน 1,285,537 บาท ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินเป็นเงินฝาก 153,749 บาท

นายธนกร แจ้งว่ามีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 970,309 บาท จากเงินเดือน 849,648 บาท เงินประจำตำแหน่ง 117,661 บาท ค่าเบี้ยประชุม 3,000 บาท มีรายจ่ายรวม 1,562,783 บาท โดยทรัพย์สินที่น่าสนใจ นายธนกร แจ้งถือครองสร้อยคอทองคำ 5 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 1 รายการ มูลค่า 250,000 บาท นาฬิกา Patek Philippe Nautilus 1 รายการ มูลค่า 100,000 บาท แหวนเพชร 1 รายการ 100,000 บาท โดยปัจจุบันนายธนากรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และย้ายจากพรรคพลังประชารัฐไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ

น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ อดีต ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ พ้นจากตำแหน่ง 11 ม.ค.66 โดยแจ้งสถานะว่าหย่า เมื่อ 19 ก.ค. 65 แจ้งมีทรัพย์สิน 89,250,926 บาท ได้แก่ เงินฝาก 14,293,627 บาท เงินลงทุน 2,631,608 บาท ที่ดิน 5,510,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 39,666,666 บาท สิทธิและสัมปทาน 5,055,525 บาท ทรัพย์สินอื่น 11,198,000 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 67,104 บาท ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สิน 10,895,500 บาท เป็นที่ดิน 6,695,500 บาท และสิทธิและสัมปทาน 4.2 ล้านบาท แจ้งมีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 1,393,827 บาท เป็นเงินเดือน 1,362,720 บาท ดอกเบี้ยที่ได้รับจากธนาคาร 31,107 บาท มีรายจ่ายรวม 1,059,500 บาท ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีรายได้รวม 3.6 ล้านบาท เป็นค่าเลี้ยงดูบุตรจากบิดา มีรายจ่ายรวม 800,688 บาท ปัจจุบัน น.ส.กานต์กนิษฐ์ ย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย

นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย พ้นจากตำแหน่ง 19 ม.ค. 2566 แจ้งสถานะว่าหย่า เมื่อ 25 ก.พ. 62 มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 157,182,889 บาท ได้แก่ เงินฝาก 1,626,122 บาท เงินลงทุน 3,470,000 บาท ที่ดิน 42 แปลง ในพื้นที่ จ.สระบุรี และเขตดอนเมือง กทม. 113,628,100 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 24.5 ล้านบาท ยานพาหนะ 4,310,000 บาท ทรัพย์สินอื่น เป็นอาวุธปืน 4 กระบอก และเครื่องประดับ นาฬิกา รวมมูลค่า 9,190,000 บาท มีหนี้สิน 22,495,819 บาท มีรายได้รวม 1,362,720 บาท เป็นเงินเดือนทั้งหมด มีรายจ่ายรวม 1,345,416 บาท ปัจจุบันนายการุณ ย้ายไปสังกัดพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.)

นายเกษมสันต์ มีทิพย์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พ้นจากตำแหน่ง 15 ธ.ค. 65 โดยเกษมสันต์ พร้อมด้วย นางนิดา มีทิพย์ คู่สมรส แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 13,816,089 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 5,449,770 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินนายเกษมสันต์ 11,292,948 บาท ประกอบด้วย เงินสด 300,000 บาท เงินฝาก 52,948 บาท ที่ดิน 4,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3,500,000 บาท ยานพาหนะ 950,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 2,490,000 บาท มีหนี้สิน 3,801,410 บาท ส่วนคู่สมรสมีทรัพย์สิน 2,229,400 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 484,818 บาท เงินลงทุน 315,690 บาท ยานพาหนะ 1,175,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 253,891 บาท มีหนี้สิน 1,648,360 บาท ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สิน 293,740 บาท

นายคารม  พลพรกลาง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พ้นจากตำแหน่ง 15 ธ.ค.65 โดยนายคารม พร้อมด้วยนางปภารัต พลพรกลาง คู่สมรส แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 35,373,523 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 15,884,404 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินของนายคารม 24,800,515 บาท ประกอบด้วย เงินสด 300,000 บาท เงินฝาก 145,219 บาท ที่ดิน 8,780,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 14,000,000 บาท ยานพาหนะ 720,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 855,296 บาท มีหนี้สิน 15,190,404 บาท แจ้งมีรายได้รวม 4,347,732 บาท ในจำนวนนี้แจ้งรายได้จากการทำนา 2563-2565 รวม 121,554 บาท พร้อมระบุว่า ได้จดทะเบียนเป็นเกษตรกร มีรายได้จากการทำนา และเงินชดเชยจากรัฐบาล นอกจากนี้ยังแจ้งมีรายได้จากการเล่นแชร์ ระหว่างปี 2563-2565 รวม 1,700,000 บาท (เปียร์ครั้งละ 100,000 บาท จำนวน 100 มือ) ส่วนคู่สมรส มีทรัพย์สิน 10,573,008 บาท ได้แก่ เงินฝาก 864,855 บาท ที่ดิน 600,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 8,000,000 บาท ยานพาหนะ 1,000,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 108,152 บาท มีหนี้สิน 695,000 บาท

นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ พ้นจากตำแหน่ง 3 ม.ค. 66 โดย นางพิชชารัตน์ พร้อมด้วยนายชูรัฐ เลาหพงศ์ชนะ คู่สมรส แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 175,007,375 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 24,705,150 บาท โดยเป็นทรัพย์สินนางพิชชารัตน์ 42,654,596 บาท ประกอบด้วย เงินสด 1.2 ล้านบาท เงินฝาก 1,635,911 บาท เงินลงทุน 9,668,684 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 11,700,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 18,450,000 บาท มีหนี้สิน 562,185 บาท มีรายได้รวม 1,362,720 บาท มีรายจ่ายรวม 1,350,000 บาท ส่วนคู่สมรส มีทรัพย์สิน 131,696,847 บาท ได้แก่ เงินสด 1,500,000 บาท เงินฝาก 305,544 บาท เงินลงทุน 92,131,302 บาท ที่ดิน 1,500,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 5,300,000 บาท ยานพาหนะ 500,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 700,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 29,060,000 บาท มีหนี้สิน 24,142,964 บาท มีรายได้รวม 2,028,000 บาท มีรายจ่ายรวม 1 ล้านบาท ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สิน 655,931 บาท

นายพีรเดช คำสมุทร อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคก้าวไกล พ้นจากตำแหน่ง 15 ธ.ค.65 โดยนายพีรเดช พร้อมด้วยนางศิตาภา คำสมุทร คู่สมรส แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 7,416,025 บาท มีหนี้สิน 286,465 บาท  แบ่งเป็นทรัพย์สินนายพีรเดช 7,182,233 บาท ได้แก่ เงินฝาก 47,643 บาท เงินลงทุน 1,152,146 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 4,726,700 บาท ยานพาหนะ 885,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 71,792 บาท ทรัพย์สินอื่น 299,000 บาท มีหนี้สิน 272,567 บาท ส่วนคู่สมรส มีทรัพย์สิน 233,741 บาท ได้แก่ เงินฝาก 131,186 บาท สิทธิและสัมปทาน 102,555 บาท มีหนี้สิน 13,898 บาท

นายวีระก  คำประกอบ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ พ้นจากตำแหน่ง 10 ม.ค.66 โดยนายวีระกร พร้อมด้วยส่วนนางวิไล คำประกอบ คู่สมรส แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 404,512,757 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 30,600 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินนายวีระกร 268,726,152 บาท ได้แก่ เงินฝาก 51,752,902 บาท เงินลงทุน 38 บาท ที่ดิน 203,428,210 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 107,200,000 บาท ยานพาหนะ 1,630,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 800,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 4,115,000 บาท มีหนี้สิน 30,600 บาท ส่วนคู่สมรส มีทรัพย์สิน 35,786,604 บาท ได้แก่ เงินฝาก 15,519,843 บาท เงินลงทุน 6,440,761 บาท ที่ดิน 2,226,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 10,000,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 1,600,000 บาท

พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชญา อดีต ส.ว. พ้นจากตำแหน่ง 9 ม.ค.66 โดยพล.อ.กนิษฐ์  พร้อมด้วยน.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ คู่สมรสไม่ได้จดทะเบียน อยู่กินกันฉันสามีภริยา แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 28,679,300 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 1,586,181 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินของพล.อ.กนิษฐ์ 12,028,657 บาท ได้แก่ เงินฝาก 167,917 บาท เงินลงทุน 3,007,385 บาท ที่ดิน 1,600,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 4,520,000 บาท ยานพาหนะ 2,150,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 7,160 บาท ทรัพย์สินอื่น 373,176 บาท มีหนี้สิน 203,019 บาท ส่วนคู่สมรสไม่ได้จดทะเบียน อยู่กินกันฉันสามีภริยา มีทรัพย์สิน 16,650,642 บาท ได้แก่ เงินฝาก 617,796 บาท ที่ดิน 6,400,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2,800,000 บาท ยานพาหนะ 600,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 643,614 บาท ทรัพย์สินอื่น 4,206,069 บาท มีหนี้สิน 1,383,162 บาท.