เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าพบ ร.ต.อ.หญิง สไบนาง ศิริมนตรี รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งเอาผิดขบวนการร่วมกันลักรถยนต์ของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ “ผกก.โจ้” ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถาน, ร่วมกันรับของโจร, ร่วมกันปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม” โดยนำหนังสือมอบอำนาจจาก พ.ต.อ.ธิติสรรค์, ใบแต่งตั้งทนายความ, สำเนาแชตไลน์ และสำเนาบันทึกประจำวัน สน.ตลิ่งชัน มอบให้พนักงานสอบสวนเป็นหลักฐาน

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ผกก.โจ้ มอบอำนาจ ให้มาดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.คนดัง และลูกชายที่เป็นตำรวจ ซึ่งเป็นตัวการ ร่วมกับทนายความ, บริษัทสินเชื่อรถยนต์ และเจ้าหน้าที่ขนส่งที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ร่วมกันลักรถยนต์ของ ผกก.โจ้ ไปขาย โดยภายหลัง ผกก.โจ้ ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำเมื่อปี 64 พล.ต.ต.คนดัง ขณะนั้นรับผิดชอบดูแลคดีนี้ ได้บอกว่าจะจัดการทุกอย่าง รวมถึงหาทนายความให้ แต่ต่อมา พล.ต.ต.คนดัง พร้อมลูกชาย กลับร่วมกันปลอมเอกสารเพื่อลักรถที่เก็บไว้ที่ จ.นครสวรรค์ 2 คัน และที่บ้านที่รามอินทรา กทม. อีก 11 คัน ทั้ง โตโยต้า บีเอ็มดับเบิลยู ปอร์เช่ และอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท และป้ายทะเบียนราคาแพงไปขายต่อ เพราะเห็นว่า ผกก.โจ้ ไม่น่าจะได้ออกมาจากเรือนจำแล้ว เพราะอัตราโทษสูง

นายอัจฉริยะ กล่าวด้วยว่า สำหรับที่มาที่ไปของเรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 64 ผกก.โจ้ มอบอำนาจให้ น.ส.จูน น้องสาว เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ มีอำนาจทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ และรับเงินค่าซื้อขายรถยนต์แทน โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เซ็นรับรองเอกสาร ต่อมา ทนายความของ ผกก.โจ้ ได้แชตมาหาน้องสาวของ ผกก.โจ้ ซึ่งตอนนั้นไม่ได้ติดต่อกับพี่ชายเพราะเป็นช่วงโควิด โดยทนายหลอก น.ส.จูน ให้ถ่ายเอกสารสำเนาบัตรประชาชน ระบุว่า ใช้ซื้อขายโอนรถยนต์ของ ผกก.โจ้ พร้อมให้เซ็นใบซื้อขายรถยนต์ที่เป็นเอกสารเปล่ายังไม่ได้กรอกรายละเอียด จำนวน 10 ชุด ก่อนที่ภายหลังเมื่อน้องสาวสามารถติดต่อกับ ผกก.โจ้ ได้ จึงรู้ว่าถูกหลอกให้เซ็น เพราะ ผกก.โจ้ บอกว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะขายรถยนต์ น้องสาวจึงทวงถามเอกสารทั้งหมดคืนจากทนาย แต่ทนายได้แชตตอบน้องสาว ผกก.โจ้ ว่า เอกสารทั้งหมดได้ส่งให้ ร.ต.อ. ลูกชายของ พล.ต.ต.คนดัง และมีแชตที่ลูกชาย พล.ต.ต.คนดัง ตอบว่า รับทราบแล้วว่าน้องสาว ผกก.โจ้ มาขอเอกสารคืน พร้อมพิมพ์บอกรายละเอียดว่ามีรถอะไรบ้างที่เอาไปโอนขายแล้ว

นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังได้เปิดเผยเอกสารเกี่ยวกับการเซ็นโอนขายรถยนต์ และเอกสารเกี่ยวกับการจดทะเบียนชื่อผู้ครอบครองรถของ ผกก.โจ้ ซึ่งเป็นชื่อของลูกชาย พล.ต.ต.คนดัง โดยนายอัจฉริยะ ระบุว่า ทั้งหมดเป็นเอกสารที่มีการปลอมแปลงขึ้นมา และมีการปลอมลายมือชื่อของ ผกก.โจ้ ซึ่งจะสังเกตเห็นว่า ลักษณะการเซ็นไม่เหมือนกัน และการที่ ผกก.โจ้ อยู่ในเรือนจำ ก็ต้องมีลายเซ็นของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รับรองด้วยแต่ไม่มี ซึ่งเชื่อได้ว่า ขบวนการนี้มีบริษัทสินเชื่อรถยนต์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ขนส่งร่วมมือด้วยในการปลอมแปลงเอกสาร

นายอัจฉริยะ กล่าวกับผู้สื่อข่าวพร้อมเปิดเผยรูปภาพจากเฟซบุ๊กของลูกชาย พล.ต.ต.คนดัง ที่โพสต์รูปขายรถของ ผกก.โจ้ โดยมีการนำป้ายทะเบียนอื่นมาสวม และยังมีรูปรถเบนซ์ของ พล.ต.ต.คนดัง ที่นำป้ายทะเบียนของรถ ผกก.โจ้ ไปสวมขึ้นมาแสดงให้บันทึกภาพว่า ตนยังมีหลักฐานอื่นอีกจำนวนมาก ทั้งไฟล์วิดีโอ ไฟล์เสียง และแชตไลน์ ที่ยืนยันว่าลูกชายของ พล.ต.ต.คนดัง นำรถของ ผกก.โจ้ ไปขายจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ น้องสาวของ ผกก.โจ้ได้พยายามทวงถาม ลูกชาย พล.ต.ต.คนดัง ก็บอกว่าจะเอาเงินมาคืนให้ แต่สุดท้ายก็เงียบหายไป

“พล.ต.ต.คนดัง ควรจะลาออกจากตำแหน่งได้แล้ว เพราะมีเรื่องที่กระทำไม่เหมาะสมอีกมาก ผกก.โจ้ ได้เล่าให้ผมฟังในเรือนจำว่าทำอะไรไว้บ้าง ผมเก็บข้อมูลไว้เรียบร้อยและจะเปิดเผยต่อไป รวมถึงเรื่องที่ภรรยาของ พล.ต.ต.คนดัง ไปเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ด้วย ซึ่งผมมั่นใจว่า พล.ต.ต.คนดัง ไม่มีทางรอด” นายอัจฉริยะ กล่าว