เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 21 เม.ย. ร.ต.ท.อมรเทพ วิชิตชาญ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธัชชัย ทิพเนตร ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี พิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร รพ.เจ้าพระยายมราช และเจ้าหน้าที่กู้ภัยเณรแก้วทางหลวงสุพรรณบุรี ที่เกิดเหตุเป็นบ้านใต้ถุนสูง พบ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี ยืนถือท่อนไม้ยาว 1 เมตร อยู่ และยังพบท่อนไม้เปื้อนเลือดตกอยู่อีก 3 ท่อน มี 1 ท่อน พบเส้นผมติดอยู่ที่ปลายไม้ ตรวจสอบบนบ้าน พบศพชายอายุ 51 ปี ซึ่งเป็นน้องชายนายเอ เอง สภาพนอนหงายจมกองเลือด มีบาดแผลแตกที่ศีรษะ 3 จุด ใบหูขวาฉีกขาด ท้ายทอยเป็นแผลฉกรรจ์ แขนทั้ง 2 ข้าง มีรอยถลอก และมือมีรอยช้ำ จึงนำศพส่งชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมเก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ช่วงตี 2 มีเพื่อนบ้านได้ยินเสียงดังออกมามาจากในบ้าน จึงออกมาดู เพราะเสียงดังมาก เหมือนคนทุบอะไร พอออกมาดูเห็นนายเอ เดินขึ้นลงบันไดบ้านอยู่ 3-4 รอบ และได้ยินเสียงร้องแบบเจ็บปวดเสียงดังแล้วเงียบหายไป คิดว่าน่าจะเกิดเหตุร้าย เพราะบ้านหลังดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยจิตเวช จึงรีบแจ้งตำรวจตรวจสอบ จึงทราบว่านายเอ พี่ชายได้ใช้ท่อนไม้ทุบตีน้องชายแท้ๆ ของตัวเองเสียชีวิตแล้วดังกล่าว ส่วนสาเหตุเพื่อนบ้านบอกอีกว่า นายเอ เป็นผู้ป่วยจิตเวช รักษามากว่าสิบปี ปกติจะไม่มีอาการคลุ้มคลั่ง ส่วนมากจะแค่นั่งคุย หรือตะโกนเสียงดังอยู่ในบ้านคนเดียวเป็นประจำ ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุรุนแรงขนาดนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ชาวบ้านละแวกที่เกิดเหตุเชื่อว่าเป็นอาถรรพณ์ เพราะบ้านหลังดังกล่าว ปลูกทับสถานที่ที่เคยเป็นที่ฝังศพ กระทั่งพ่อแม่เริ่มเสียชีวิตหมด เหลือกันอยู่ 4 คนพี่น้องอยู่ดูแลกันเอง และต่อมาทั้งหมดป่วยจิตเวชกันทุกคน มีพี่สาวคนโต ซึ่งปัจจุบันบวชเป็นแม่ชี เป็นคนดูแลทั้งหมด โดยเจ้าตัวมีบัตรผู้พิการทางจิตเหมือนกัน ออกโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ผ่านมาจะคอยไปรับยาจากโรงพยาบาลที่รักษาอาการทางจิตเวช มาให้น้องๆ กิน คาดว่าหลายปีที่ผ่านมา อาจไม่ค่อยได้กินยา จนเริ่มมีอาการคลุ้มคลั่งขึ้นเรื่อยๆ ตะโกนส่งเสียงดัง ใช้มีดไล่แทงน้องสาวบ้าง ขณะเกิดเหตุ น้องสาวคนเล็กคงกลัวหนีไปขังตัวเองในห้อง กระทั่งมาก่อเหตุฆ่าน้องชายตัวเอง โดยการใช้ไม้ตีขณะนอนหลับอยู่ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป