เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ภายหลังจากที่เดลินิวส์ร่วมกับมติชน จัดกิจกรรมชวนโหวตลุ้นอนาคต โพลเดลินิวส์ × มติชน รอบที่ 2 ถือเป็นครั้งประวัติศาตร์ของสองสำนักข่าวใหญ่ของประเทศไทย ที่จับมือเพื่อเปิดให้มีการโหวตวันแรกวันนี้ พบว่าประชาชนภาคอีสานให้ความสนใจในการร่วมโหวตรอบที่ 2 เป็นอย่างมาก

โดยบริเวณที่ทำการศูนย์ต้นแบบเกษตรอินทรีย์ ต.นาดี อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายสนิท ภูสมหมาย อายุ 58 ปี ประธานกลุ่มต้นแบบเกษตรอินทรีย์ กล่าวว่า ได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองและความบันเทิงก้าวทันสมัยจาก นสพ.เดลินิวส์ และ นสพ.มติชน มาหลายสิบปี ทราบว่าทั้ง 2 ฉบับ จับมือกันเชิญชวนแฟนคลับร่วมโหวตช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. ตนและสมาชิกที่เป็นเกษตรกรเครือข่ายใน จ.กาฬสินธุ์ ทั้ง 18 อำเภอ ก็ให้ความสนใจร่วมรายการ โดยมีแนวคิดเดียวกัน ในการที่จะโหวตทั้งผู้สมัคร ส.ส.ระบบแบ่งเขต และ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ คือเลือกทั้งคนทั้งพรรคพรรค อย่างไรก็ตาม สำหรับ ส.ส.เขต และ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อนั้น ตนและสมาชิกมีตัวเลือกในใจอยู่แล้ว เพราะผู้สมัครเองก็ถูกใจ พรรคก็ชื่นชอบในนโยบาย ซึ่งประเมินแล้วว่า เป็นนโยบายที่จับต้องได้ และไม่ขายฝัน

“ในความเห็นของกลุ่มเกษตรอินทรีย์ จึงจะเลือกทั้งผู้สมัครและพรรคเดียวกัน เพื่อที่จะเป็นพลังเสริม และเป็นคะแนนสนับสนุนในระบบปาร์ตี้ลิสต์ในโอกาสต่อไป ทั้งนี้ สำหรับรัฐบาลหรือตัวนายกฯ ในฝันนั้น อยากให้เป็นบุคคลที่เข้ามาแก้ไขปัญหาต้นทุนการผลิตภาคการเกษตร หาตลาดจำหน่ายผลผลิตเกษตรอินทรีย์ในระดับสากล เพื่อเกษตรกรจะได้จำหน่ายผลผลิตในราคาที่สูงขึ้น และลดทุนการผลิต เพราะที่ผ่านมา ถึงแม้กลุ่มเกษตรอินทรีย์เราจะไม่ใช้สารเคมีหรือปุ๋ยเคมี แต่กลับสิ้นเปลืองด้านค่าน้ำมันสูงมาก” นายสนิท กล่าว

ด้านนายกิตติศักดิ์ วงศ์ภัทรโสภณ ผู้ประกอบการร้านกำนันบุญส่ง เจ้าของเมนูเด็ดของแซ่บอีสาน “ลาบ-ก้อย” ปากทางเขื่อนลำปาว อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ เห็นว่ามีพรรคการเมืองหลายพรรค ต่างชูนโยบายสวยหรูมากมาย ทั้งนี้ ตนมีพรรคในดวงใจอยู่แล้ว โดยจะเลือกทั้งผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตพรรคนี้ด้วย ซึ่งเป็นความชอบส่วนตัว กล้าพูด กล้าเปิดเผย เพราะถึงเวลาแล้วที่จะต้องเลือก ต้องมีความชัดเจนตามระบอบประชาธิปไตย

“สำหรับประชาชนคนไทย รวมทั้งผู้ประกอบการต่างๆ กำลังประสบปัญหาด้านค่าครองชีพที่เพิ่มสูง รวมทั้งราคาน้ำมัน ค่าไฟที่แพงมากๆ จึงอยากเห็นรัฐบาลชุดใหม่ เข้ามาแก้ไขปัญหาตรงนี้ด้วย รวมทั้งปัญหาปากท้อง ปัญหาสังคม ปัญหายาเสพติด เพราะถือเป็นปัญหาความจำเป็นพื้นฐานทุกชนชั้น ทั้งผู้ประกอบการ ผู้บริโภค หรือตั้งแต่ระดับรากหญ้าถึงข้าราชการ จึงอยากให้เห็นการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เพราะที่ผ่านมา ทำชาวบ้าน ผู้บริโภค ผู้ประกอบการ ต้องแบกรับค่าไฟที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ขณะที่ชาวบ้านจนลง และผู้ประกอบการต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านภาษีและค่าน้ำ ค่าไฟ จึงอยากให้เห็นการแก้ไขปัญหาตรงนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในรัฐบาลชุดต่อไป” นายกิตติศักดิ์ กล่าว

ขณะที่ นายบัญชา อาศรัยราช ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า หนองคายเป็นเมืองหน้าด่าน และจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากตอนนี้มีการเชื่อมโยงด้านการเดินทางโดยรถไฟ เส้นทางเวียงจันทน์ถึงคุณหมิงแล้ว นโยบายจีนมีการผลักดันให้คนเดินทางภายในปีนี้ 1,000,000 คน คิดว่าคนจะทะลักเข้าไทยโดยเฉพาะจังหวัดหนองคาย ความคาดหวังตน อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ให้ความสำคัญด้านการท่องเที่ยว จัดเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ด้านการบริการนักท่องเที่ยว หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวมาให้บริการ และอยากให้เล็งเห็นถึงความสำคัญด้านสาธารณูปโภค เส้นทางเชื่อมโยงคมนาคมขนส่ง เพื่อรองรับการเดินทาง การขนส่ง การท่องเที่ยวระหว่างประเทศให้เศรษฐกิจดีขึ้น และประชาชนคนไทยก็จะกินดีอยู่ดี มีความสุขมากขึ้น.