เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เริ่มอภิปรายด้วยการเปิดคลิปวิดีโอที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ระบุว่าในไตรมาส 3 วัคซีนแอสตราเซเนกา จะมีเต็มโรงพยาบาล เต็มแขนคนไทย เป็นประเทศเดียวในภูมิภาคนี้ มีวัคซีน 63 ล้านโด๊ส ไม่พอเก็บ จากนั้น นายวิโรจน์ ระบุว่า ตนเคยเตือนการกระจายความเสี่ยงวัคซีนเมื่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวก่อน เมื่อ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา วันนั้นคนระดับรัฐมนตรียืนยันแล้ว ตนก็เบาใจ ไม่เคยคิดว่าคนระดับรัฐมนตรีจะกล้าโกหกกลางสภา คิดว่ามีการทำสัญญา จองซื้อ หรือลงนามกันแล้ว แต่ปรากฏว่า หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจผ่านเพียง 2 เดือน ถึงเพิ่งจะมามีมติ ครม. แก้สัญญา เมื่อวันที่ 23 ก.พ.64 แก้จากจำนวน 23 ล้านโด๊ส เป็น 61 ล้านโด๊ส
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ต่อมาวันที่ 24 ก.พ. นายอนุทิน บอกไทยมีวัคซีนโควิดมากสุดในเอเชีย ถ้านับเป็นอัตราส่วนประชากร ไทยไม่แพ้ใครในโลกนี้ รัฐมนตรีพูดแบบนี้ เป็นใครคงคิดว่าได้ลงนาม ระหว่างคู่สัญญา คือ รัฐบาลไทยกับแอสตราเซเนกาแล้ว ไม่มีใครกล้าคิดว่า จะมีแผนจัดหาวัคซีนลวงโลก ภายใต้การบริหารงาน และคบคิดกัน ของนายกฯ และนายอนุทิน แต่เพิ่งมาเชื่อเมื่อไม่นานมานี้ จากการค้นข้อมูลการเบิกจ่ายเมื่อวันที่ 20 ก.ค.64 ทำให้รู้ความจริงว่า แผนงาน และโครงการเพื่อจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข ป้องกันวัคซีนโควิด และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ที่มีวงเงินอนุมัติสูงถึง 1.5 หมื่นล้านบาท เบิกจ่ายไปได้แค่ 1,081 ล้านบาท เบิกจ่ายได้แค่ 7%
นายวิโรจน์ กล่าวว่า แผนงานโครงการด้านสาธารณสุข เพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินมีวงเงินอนุมัติไป 1,727 ล้านบาท เบิกไปได้เพียง 156 ล้านบาท คิดเป็น 9% การขาดความพร้อมแบบนี้ เป็นหลักฐานชี้ชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ปล่อยปละละเลย จนขาดความพร้อมดูแลรักษาชีวิตประชาชน จะอ้างไม่มีงบ และติดระเบียบจัดซื้อจัดจ้างไม่ได้ เพราะตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.64 ครม.มอบอำนาจตาม พ.ร.บ. ทั้ง 31 ฉบับ ให้กับนายกฯ แล้ว อะไรติดขัดก็เข้าไปแทรกได้ แต่ไม่ทำ ถ้ารัฐบาลเตรียมความพร้อมดีกว่านี้ ประชาชนไม่ตายมากขนาดนี้ และต่อให้ต้องเสียชีวิตจากความอันตรายของโรค แต่ก็ไม่ต้องเสียชีวิตด้วยความน่าเศร้าสลดอนาถขนาดนี้ นี่ชีวิตที่ไม่ควรตายเหล่านี้ นายกฯ และนายอนุทินจะชดใช้อย่างไร
นายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องสัญญาจัดหาวัคซีนตนติดตามมาตลอด เมื่อวันที่ 16 มี.ค.64 ได้ยื่นขอสัญญาจัดหาวัคซีนแอสตราเซเนกา ต่อกรมควบคุมโรค และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กระทั่งวันที่ 4 มิ.ย.64 สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้ส่งสัญญาจัดซื้อวัคซีนแอสตราฯ มาให้ตน 26 ล้านโด๊ส ที่ลงนามเมื่อวันที่ 12 ม.ค.64 ซึ่งตนเกิดคำถามว่า สั่งซื้อไป 61 ล้านโด๊ส จำนวนที่เหลือไปไหน และแล้วแผนการจัดหาวัคซีนลวงโลกของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เริ่มโผล่เค้าลางแห่งความหายนะเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.64 เมื่ออธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ว่าตัวเลข 61 ล้านโด๊ส ในแผนการจัดหาวัคซีนเป็นแค่ศักยภาพในการฉีด ไม่ใช่จำนวนวัคซีนแอสตราฯ ที่ต้องส่งมอบ
จากนั้น นายอนุทินได้ให้สัมภาษณ์โดยไม่ได้ให้ความมั่นใจเลยว่าในไตรมาสที่ 3 ช่วงเดือน ก.ค. -ก.ย.64 จะมีวัคซีนเต็มแขนประชาชนแบบที่เคยพูดกลางสภา ประชาชนจึงจับตาดูว่าเดือน มิ.ย. จะมีวัคซีนแอสตราฯ ส่งมอบตามแผน 6.3 ล้านโด๊ส หรือไม่ เดือน ก.ค. จะมี 10 ล้านโด๊สหรือไม่ แผนการจัดหาวัคซีนแอสตราฯ 61 ล้านโด๊ส จะเป็นแผนจริงหรือลวงโลก ทั้งนี้ คนที่ต้องรับที่สุดไม่ใช่นายอนุทิน แต่เป็น พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งจะโยนผิดให้พ้นตัวให้นายอนุทินรับผิดคนเดียวไม่ถูกต้อง เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดถึงคำมั่นในแผนการจัดหาวัคซีนลวงโลก 61 ล้านโด๊สมาตลอดเช่นกัน
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ที่สำคัญนายอนุทินเพิ่งจะมีหนังสือขอวัคซีนจากแอสตราฯ เดือนละ 10 ล้านโด๊ส ลงวันที่ 30 มิ.ย.นี้ และยอดวัคซีนที่เขาส่งมอบในตอนนี้ เป็นยอดเกือบ 2 เท่าที่รัฐบาลเคยประเมินความต้องการให้กับเขา ทั้งนี้ บริษัท แอสตราเซเนกา เคยได้อธิบายโอกาสในการได้รับวัคซีนจากการเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ แต่สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ก็ปฏิเสธการเข้าร่วม ทำให้คนไทยต้องเสียโอกาสในการปกป้องชีวิตตนเอง ต่อมาวันที่ 18 ก.ค.64 จากการให้สัมภาษณ์ของอธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่าแอสตราฯ จำนวน 35 ล้านโด๊ส คู่สัญญาคือแอสตราเซเนกา เพิ่งจะลงนามเมื่อวันที่ 4 พ.ค.64 ตนจึงเข้าใจว่า เหตุใดจึงส่งสัญญาให้ผมเพียงฉบับเดียว คือสัญญา 26 ล้านโด๊ส ที่ลงนามเมื่อวันที่ 12 ม.ค. เพราะถ้าส่งสัญญาอีกฉบับ 35 ล้านโด๊ส จะโป๊ะแตก เพราะประชาชนจะรู้ว่าเพิ่งเซ็นสัญญากันครบถ้วน เมื่อวันที่ 4 พ.ค.นี้
นายวิโรจน์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล้าโหมประชาสัมพันธ์ให้คำมั่นกับประชาชนในแผนการจัดหาวัคซีนแอสตราฯ 61 ล้านโด๊ส ได้อย่างไร ทั้งที่ยังไม่ได้มีการลงนามครบถ้วนจากคู่สัญญา นี่คือการโกหกหลอกลวงประชาชนของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีผู้ร่วมกระทำการคือนายอนุทินหรือไม่ ซึ่งสัญญาแผนการจัดหาวัคซีนลวงโลก 61 ล้านโด๊ส ที่ไม่มาตามแผนสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตประชาชนอย่างมาก
นายวิโรจน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ หากพิจารณาจากหนังสือจากคณะกรรมการกันกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ที่ นร 1106/(คกง.) 207 ลงวันที่ 24 ส.ค.63 ระบุชัดว่าหากใช้เงินกู้อุดหนุนบริษัทเอกชน ซึ่งในที่นี้คือบริษัท สยามไบโอไซแอนซ์ ในการผลิตวัคซีนชนิดไวรัล เวกเตอร์ ต้องมีเงื่อนไขจำกัดสิทธิการส่งออกเพื่อให้ประเทศไทยได้รับสิทธิในการซื้อวัคซีนที่ผลิตในไทยเป็นอันดับแรกตามจำนวนที่ต้องการ ถ้านำเงินกู้ไปอุดหนุนก็ต้องรับกับเงื่อนไขนี้ สุดท้ายประชาชนอยากรู้ว่า นำเงินกู้หรือนำเงินส่วนไหนไปอุดหนุน เมื่อวันที่ 25 ส.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจอนุมัติงบกลาง ในวงเงิน 600 ล้านบาท ไปอุดหนุนให้กับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยไม่นำเงินกู้ไปอุดหนุน เพราะหากใช้เงินกู้ก็ต้องรับกับเงื่อนไขจำกัดการส่งออก จากนั้น นายอนุทินก็รับไม้ต่อ ไปลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงในการทำสัญญา โดยยอมรับข้อตกลงกับทางแอสตราฯ ให้ส่งออกโดยปราศจากข้อจำกัด เมื่อเป็นเช่นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน จึงไม่กล้าบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีน เพื่อจำกัดการส่งออกวัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซแอนซ์
นายวิโรจน์ อภิปรายต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทินมีเจตนาเอาชีวิตของประชาชนทั้งประเทศไปเสี่ยงเดิมพันกับแอสตราฯ ที่ผลิตโดยบริษัทเอกชน ต่อให้มีปัญหาเกิดขึ้นก็จะสั่งซื้อวัคซีนที่สามารถสั่งซื้อได้เร็ว มาฉีดแก้ขัดไปก่อน กีดกันวัคซีนยี่ห้ออื่น ไม่ยอมซื้อวัคซีนไฟเซอร์มาสำรองไว้ตั้งแต่แรก ไม่ยอมให้วัคซีนยี่ห้ออื่นมาตัดหน้า แย่งซีนวัคซีนที่ตัวเองตั้งธงเอาไว้ จนการระบาดเกิดขึ้นอย่างรุนแรง และก็ไม่ยอมเข้าร่วมโครงการโคแว็กซ์ โดยอ้างว่า ไม่อยากซื้อวัคซีนในราคาแพง ซึ่งตนไม่พูดถึงเรื่องราคา เพราะต่อให้วัคซีนแพงแค่ไหน ก็ไม่มีทางแพงกว่าชีวิตของประชาชน ไม่มีทางแพงกว่าเงินเยียวยาที่รัฐบาลต้องจ่าย และไม่มีทางแพงกว่าความย่อยยับทางเศรษฐกิจ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบที่ไม่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ จนไม่มีวัคซีนให้ประชาชนที่เพียงพอ จะโยนบาปให้ข้าราชการไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการอภิปรายของนายวิโรจน์ บรรยากาศค่อนข้างวุ่นวายไม่ราบรื่น เนื่องจาก ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ทั้งนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ นายรังสิกร ทิมาตฤกะ ส.ส.บุรีรัมย์ รวมถึง ส.ส.พรรคก้าวไกล เช่น นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี พรรคพลังประชารัฐ อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ลุกขึ้นประท้วงขัดจังหวะอยู่ตลอดเวลา โดยระบุว่า นายวิโรจน์ อภิปรายใส่ร้ายป้ายสีหลายครั้ง ทำให้นายวิโรจน์ กล่าวกับประธานในที่ประชุมว่า “ประธานต้องหากำมะถันมาโรยไว้ เพราะงูเพ่นพ่านเหลือเกิน”