เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีองค์กรต่างประเทศลงพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น ว่าเรื่องดังกล่าวมีการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เขาดูอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ดูแลกันอยู่แล้ว ซึ่งความจริงมีการติดตามการทำงานในเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอด เพราะเกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งกับสิ่งที่ทำในปัจจุบัน คือมีการแก้ปัญหากันในเรื่องของการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ และสังคมต่างๆ ซึ่งมีการดำเนินการกันอยู่แล้ว รวมถึงการพูดคุยต่างๆ เราก็มีคณะในการพูดคุยซึ่งเรื่องเหล่านี้เราก็ทำความเข้าใจกันไป

“ความจริงแล้วก็ต้องระมัดระวังให้มากที่สุด เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างอ่อนไหว เพราะฉะนั้นการที่จะไปแก้อะไรต่างๆ โดยที่มีการเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดมันก็น่าจะยาก ซึ่งส่วนตัวคิดเช่นนั้น แต่ก็แล้วแต่ “พลอ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า มีการเคลื่อนไหวที่จะขอพูดคุยโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่จากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดใช้แดนใต้ (ศอ.บต.) พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้หารือกันว่าสามารถทำได้หรือไม่ ถ้าเป็นส่วนของราชการก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ก็คงจะมีการพิจารณากันเองว่าควรหรือไม่ควร ส่วนตัวคิดว่าในทางกฎหมายเท่าที่หารือและมีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาก็ไม่น่าที่จะทำได้ เพราะการที่ยังไม่เป็นรัฐบาลแล้วจะไปเรียกส่วนราชการมาพูดคุยเอง ถ้าเป็นหน่วยงานภายนอกไม่ใช่ส่วนราชการเขาทำได้หรือเปล่า

เมื่อถามว่านักลงทุนที่นายกรัฐมนตรี ได้เคยไปเจรจามา หลังการเลือกตั้งมีปฏิกิริยาอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาก็กังวลเหมือนกัน ว่าจะออกมารูปแบบไหนอย่างไร มีหลายอย่างที่ออกมาพูดเยอะไปหมดว่าจะทำตรงโน้นตรงนี้ ซึ่งต้องทบทวนอีกที ตนก็กังวลในเรื่องนี้ เพราะหลายๆ อย่าง รัฐบาลนี้ที่ทำมาคือการแก้ปัญหาจากการลงทุนภายนอก และการลงทุนภายในก็อยู่ในวงจรของเราอยู่แล้ว ดังนั้นการดึงนักลงทุนในต่างประเทศเข้ามาก็จะสามารถดึงรายได้เข้ามา หากต่างประเทศเข้ามาลงทุนน้อยเกินไป ก็จะเป็นภาระอยู่เหมือนกัน

เมื่อถามต่อว่า พรรคก้าวไกลตั้งทีมงานเพื่อเปลี่ยนผ่านรัฐบาล (ทรานซิชั่นทีม) เพื่อรับงานต่อจากรัฐบาล สามารถที่จะขอข้อมูลกับส่วนราชการได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “มันไม่ควร มันไม่สมควร ส่วนราชการเขายังอยู่กับรัฐบาลปัจจุบัน วันหน้าเขาก็เตรียมข้อมูลต่างๆ ส่งมอบ ซึ่งผมก็ย้ำไปหลายครั้งแล้ว “

เมื่อถามว่า นายกฯ จะมีส่วนช่วยทำให้เกิดความเชื่อมั่นอะไรขึ้นมาหรือไม่ในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่เกี่ยวข้องตรงนี้ ผมบอกตั้งหลายครั้งแล้ว ผมไม่เกี่ยวข้อง ผมทำหน้าที่ของผมคือการเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการให้ดีที่สุด อันนั้นเป็นเรื่องของทางการเมืองก็ว่ากันไป”

เมื่อถามย้ำว่า การให้ความมั่นใจกับนักลงทุนในระหว่างที่ยังไม่ตั้งรัฐบาลใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใครจะเป็นรัฐบาลใหม่ก็ต้องให้ความสนใจตรงนี้ด้วย ถ้ามันเสียหายขึ้นมาก็พ้นหน้าที่ของตนไปแล้ว เพราะตนได้ทำไว้แล้ว 

เมื่อถามอีกว่า ได้ฟังเกี่ยวกับเรื่องของดีลลับจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่รู้เรื่อง ไม่ฟังๆ ไม่เปิดโซเชียล ไม่เปิด” 

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ไม่ได้ฟังไม่ได้ดูอะไรเลยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า “ไม่ฟัง ไม่ดู จะดูทำไม งานผมเยอะแยะไม่มีเวลาว่างที่จะไปทำอะไร ไม่ใช่ไม่มีงาน หลายคนบอกนายกฯ ไม่มีงาน วันนี้อยู่ที่ทำเนียบฯ ไปดูแฟ้มผมที่อยู่บนโต๊ะ

ส่วนราชการก็ทำงานทุกหน่วย แฟ้มเอกสารมา 50-60 แฟ้มทุกวัน มาบอกผมไม่มีงานไม่มีราชการได้อย่างไร ไม่เข้าใจ ให้รู้ว่าการเป็นรัฐบาลเขาทำงานอะไรกันบ้าง ลงพื้นที่ออกเยี่ยมเยียนติดตามความก้าวหน้า  และต้องรันงานเอกสารให้จบ ไม่เช่นนั้นไปไม่ได้สักอัน กระทรวงทุกกระทรวงมีรายงานเสนอมาให้พิจารณา เว้นแต่เรื่องการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการใหม่ทำไม่ได้ตามกติกาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะทำอะไรก็ต้องขอเขา โครงการที่จะเริ่มต้นใหม่ไม่ได้”

นายกฯ ยังกล่าวถึงกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางไปดูการแข่งขันฟุตบอลที่อังกฤษ ว่า ไม่ทราบ ทราบแต่เพียงว่าลาในตอนแรก ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน เขาไปเกี่ยวกับเรื่องการประชุมของสาธารณสุข ก็คงแวะไปพักผ่อน แล้วแต่ท่านมีสิทธิลาพักผ่อนได้ 

เมื่อถามว่า นายกฯ อยากให้สถานการณ์มันจบไปเร็วๆ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ถามประชาชนเอาแล้วกัน ถามตน ตนบอกไม่ได้ และบอกแล้วว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล เรื่องการพูดคุยเป็นเรื่องของเขา ส่วนตอนนี้นายกฯ รู้สึกเหมือนมีนายกฯ ซ้อนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่รู้สึก”

เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับการที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินสายเสมือนเป็นนายกฯ แล้วทั้งที่ยังไม่ได้รับการโหวตในสภา พล.อ.ประยุทธ์​ กล่าวว่า “ไม่ได้มอง ผมไม่ได้มองและไม่ได้ไปสร้างความขัดแย้งกับใคร ผมบอกแล้วไง เข้าใจไหม กติกาประชาธิปไตยอย่างไรก็ว่ากันไป” ทั้งนี้ ไม่ทราบเรื่องเอ็มโอยูของพรรคร่วมรัฐบาลมียกเลิกเรื่องการเกณฑ์ทหาร ก็แล้วแต่ ทำได้ ไม่ได้ก็แล้วแต่ท่าน ท่านได้เป็นก็ทำให้ได้ก็แล้วกัน ก่อนนายกฯ เดินออกจากโพเดียมทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุมมีการรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศไตรมาสแรกปี 66 รวมไปถึงการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 และอัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.05 โดยหนี้ครัวเรือนชะลอตัวลง ขณะเดียวกันความสามารถในการชำระหนี้ยังชะลอตัว 

ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจจำนวน 43 แห่ง เมื่อสิ้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา จำนวน  94,834 บ้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่าย 109 ของการเบิกจ่าย และคิดเป็นร้อยละ 35 ของกรอบรัฐธรรมนูญทั้งปี เป็นสิ่งที่รัฐบาลบริหารมาตลอดเรื่องงบลงทุน โดยในเรื่องของต่างประเทศวันนี้มีการติดต่อในเรื่องการประสานความร่วมมือ โครงการต่างๆ ที่จะลงทุนในกรอบของเราจากหลายประเทศ ส่วนการวิเคราะห์สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางด้านการเมืองและการคลังภายหลังการเลือกตั้ง อาจจะเป็นปัจจัยฉุดรั้งความน่าเชื่อถือของประเทศไทยใน ระยะสั้นทั้งในเรื่องการทำงบประมาณล่าช้าอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งเป็นเดือนที่เขาจับตาดูเราอยู่

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อถือของประเทศไทยกรอบนโยบายเศรษฐกิจที่มีเอกภาพ การฟื้นตัวของภาคเอกชนและการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ นี่คือสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในปัจจุบัน ก็ขอให้ติดตามดูต่อไปทุกอย่างมันดีขึ้นหมด นอกจากนี้ อัตราเงินบาทอ่อนค่าลงนิดหน่อย ทั้งนี้ ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะในช่วงนี้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล อะไรก็แล้วแต่ถือว่าเราทำได้ดี ก็ขอชมเชย ในส่วนของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ได้บริหารงานต่างๆ ด้วยความเรียบร้อยทำให้สถานะการเงินที่แข็งแกร่ง แต่ในส่วนของต่างประเทศก็ยังมีปัญหาอยู่หลายประเทศด้วยกัน เช่น สหรัฐ ประเทศเกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย ยังมีปัญหาอยู่

นอกจากนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ตนให้รายงานเข้ามาทุกสัปดาห์ วันนี้สภาพอากาศไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองใน กทม.ทุกเขตดีมาก เพราะฝนตกด้วย และทุกหน่วยงานช่วยกันกำกับดูแลเรื่องการจราจร สภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เพราะเข้าสู่ฤดูฝนหลายอย่างน่าจะดี อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือประชาชน ขอให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบจราจร ย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด ทุกอย่างต้องเดินหน้าไปตามยุทธศาสตร์ของเราใน PM 2.5 เพราะพูดอย่างเดียวไม่ได้ต้องทำไปด้วย.