เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการพิจารณาคำร้อง กรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าเรื่องนี้มีปัญหาทางเทคนิคอยู่ คือผู้ร้องมาร้องก่อนวันเลือกตั้ง 2 วัน ซึ่งกรณีมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ต้องร้องภายใน 7 วัน ก่อนวันเลือกตั้ง สำนักงานก็ต้องพิจารณาว่า สิ่งที่ร้องมีเหตุหรือมีมูลที่จะดำเนินการต่อไปหรือไม่ เพื่อเสนอให้ กกต. พิจารณา และทาง กกต. มีความเห็นว่าให้ทำให้รอบคอบและเสนอขึ้นไปใหม่ ส่วน กกต. จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ เป็นอีกประเด็น ถ้ารับแล้วจะผิดหรือถูกก็เป็นอีกประเด็น ดังนั้นเรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของสำนักงาน

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า มีการดำเนินการข้อหารู้อยู่แล้วว่า ไม่มีสิทธิลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แต่ยังคงลงสมัคร นายแสวง กล่าวว่า เรื่องการมีลักษณะต้องห้ามของการลงสมัคร หากเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งต้องส่งศาลฎีกาวินิจฉัย แต่หลังเลือกตั้งก่อนการประกาศผล ยังเป็นช่องโหว่อยู่ ซึ่งสำนักงานก็คิดว่า หากมีการยื่น ก็สามารถทำคดีอาญาตามมาตรา 151 กฎหมายเลือกตั้งได้ ส่วนถ้าประกาศรับรองผลไปแล้ว การให้พ้นจาก ส.ส. ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 คือ สมาชิกรัฐสภาหนึ่งใน 10 เข้าชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึง กกต. ก็สามารถยื่นได้ แต่เราต้องมีพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ขณะนี้ กกต. กำลังพิจารณาควบคู่ ระหว่างคดีอาญา ตามมาตรา 151 และคดีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่า คดีคุณสมบัติยังพิจารณาไม่ได้ เพราะยังไม่เป็น ส.ส. ตอนนี้พิจารณาได้เฉพาะคดีอาญา ตามมาตรา 151

“ตามคำร้อง ร้องว่าคุณไม่มีคุณสมบัติในการลงสมัคร ส.ส เพราะคุณมีลักษณะต้องห้ามที่กฎหมายกำหนด เมื่อคุณไม่มีคุณสมบัติก็จะไปสู่ข้อหารู้อยู่แล้วว่า ไม่มีคุณสมบัติแต่ยังลงสมัคร ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 151 แต่เรื่องของการพ้น เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ซึ่งตอนนี้ยังเป็นอนาคตที่มาไม่ถึง ยังไงก็ต้องประกาศผลให้เป็น ส.ส. ไปก่อน เพราะพ้นในช่วงการยื่นของศาลฎีกามาแล้ว กกต. ไม่มีอำนาจไม่ประกาศ แต่สามารถพิจารณาคดีอาญาได้” นายแสวง กล่าว