นายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยความคืบหน้าการแก้ปัญหาน้ำมันเถื่อนว่า ขณะนี้กรมสรรพสามิตกำลังพัฒนาเทคโนโลยีเข้ามาใช้แก้ปัญหาน้ำมันเถื่อน โดยเฉพาะการลักลอบนำน้ำมันสำหรับส่งออก กลับมาเวียนขายภายในประเทศ ซึ่งกรมฯจะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปริมาณน้ำมันที่ใช้ส่งออก ข้อมูลจากโรงกลั่น ข้อมูลการขนย้าย ใบสั่งซื้อจากต่างประเทศ ชื่อบริษัทขนส่ง เส้นทางเดินรถ ประเทศปลายทางผู้รับ ตลอดจนหน่วยงานกรมศุลกากร เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลาว่า น้ำมันที่ถูกนำออกจากโรงกลั่นมีการนำไปส่งออกทั้งหมดจริงหรือไม่  มีการตกหล่นรั่วไหลระหว่างทางหรือเปล่า 

นอกจากนี้ จะนำระบบอี-ล็อก เข้ามาใช้ซีล ปิดล็อกจุดเปิดจ่ายน้ำมันของรถขนน้ำมัน  ป้องกันไม่ให้ลักลอบเอาน้ำมันมาขายระหว่างทาง เพราะปัจจุบันก่อนที่จะมีการส่งออกน้ำมันจะมีการใช้ซีลธรรมดาเท่านั้น ซึ่งอาจมีการหลบเลี่ยงนำน้ำมันออกมาขายก่อนได้ แต่ถ้านำระบบอี ล็อกมาใช้ จะมีการออนไลน์ติดตามข้อมูลได้ตลอดเวลา และถ้ามีการเปิดหัวจ่ายก่อนถึงปลายทาง ระบบอีล็อกจะแจ้งเตือนมายังกรมฯได้ทันที ซึ่งจะลดปัญหาการรั่วไหลได้  

“ที่ผ่านมาไทยส่งออกน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ ซึ่งน้ำมันที่ใช้ส่งออกจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ทำให้มีต้นทุนที่ถูกกว่าน้ำมันภายในประเทศที่จะต้องเสียภาษี 7% ส่งผลให้ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการ บางรายพยายามนำน้ำมันส่งออกกลับมาวนขายในประเทศ ซึ่งกรมจึงเพิ่มความเข้มงวด ในการปราบปรามทั้งของเจ้าหน้าที่ พร้อมกับใส่สารเคมีผสมลงไปหากตรวจพบสารเคมีผสม ก็จะรู้ทันทีว่าเป็นน้ำมันส่งออกซึ่งผิดกฎหมาย และขณะเดียวกันก็จะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ป้องกันขบวนการน้ำมันเถื่อนด้วย”