เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก และแคนดิเดตประธานสภา พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกำหนดการลงพื้นที่ขอบคุณประชาชนชาว จ.พิษณุโลก ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” มา #พิษณุโลกขอบคุณทุกคะแนนที่ให้กับพรรคก้าวไกล พบเจอได้ที่ไหนบ้าง 13.00 น. ไหว้พระวัดใหญ่ 14.30 น. เซ็นทรัลพิษณุโลก 16.00 น. แห่ขอบคุณ เส้นทางแห่เซนทรัล ถนนสิงหวัฒน์ ถนนเอกาทศรถ วงเวียนรถไฟ ลานแอโรบิค สวนชมน่าน 17.00-18.00 น. ปราศรัยขอบคุณ ณ ลานแอโรบิค สวนชมน่าน แล้วพบกันนะทุกคน อยากเจอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก ของนายพิธา ครั้งนี้เกิดขึ้น หลังพรรคก้าวไกลเปิดตัวนายปดิพัทธ์ เป็นแคนดิเดตประธานรัฐสภา

ทางด้าน พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการต่อรองเก้าอี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) สูตรพรรคก้าวไกล 15+1 กับพรรคเพื่อไทย 13+1 เพื่อแลกกับเก้าอี้ประธานสภา ว่าเป็นสูตรที่พูดกันไป เท่าที่ตนทราบส่วนตัว เรามุ่งมั่นเรื่องการดำเนินนโยบายให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนเป็นส่วนใหญ่ เรื่องตำแหน่งแห่งหน เราพร้อมที่จะผลักดันประเด็นที่เราต้องการสู่ประชาชนให้มากที่สุด ถึงแม้เราอาจจะได้โควตาน้อยกว่า ก้าวไกลก็พร้อมที่จะเดินทางไปด้วยกัน

เมื่อถามว่ายืนยันว่าต้องได้ตำแหน่งประธานสภาก่อนใช่หรือไม่ พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า ใช่ ตำแหน่งประธานสภาเราเปิดตัวและเราพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงสภาให้ดูดี และเปิดเผยตามที่นายปดิพัทธ์ได้พูดไว้ เราเตรียมงานนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เราเพิ่งมาเตรียม ส่วนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะเสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อยู่แล้ว เพราะเราต้องฝ่าระบบของกฎหมายพ่วงของรัฐธรรมนูญที่ให้ ส.ว. มีสิทธิเลือกนายกฯ เราต้องฝ่าฟันให้ได้ เชื่อว่าการประสานงานและทีมงานต่างๆ ช่วยกันทำงาน ทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ที่จะโหวตเราไม่ได้ต้องการเสียง ส.ว. ทั้งหมด แต่เราต้องการความแตกต่างจากการเลือกตั้งนายกฯ ครั้งที่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกระแสข่าวว่าถ้าก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานสภา หากโหวตเลือกนายพิธาไม่ได้ ก็จะโหวตต่อไปจน ส.ว. หมด วาระในเดือน พ.ค. 67 เรื่องนี้เป็นไปได้หรือไม่ พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า เป็นไปตามข้อบังคับ อยู่ที่ข้อบังคับ เพราะการเป็นประธานสภานั้น คือการจัดวาระและเรียกประชุมบรรดาสมาชิกรัฐสภา ในแต่ละวงรอบและเป็นการควบคุมการทำหน้าที่อย่างเป็นกลางให้กับรัฐสภา ทั้ง 2 ฝ่าย เชื่อว่าคนที่เราส่งไปเป็นประธานสภา จะทำหน้าที่เป็นกลางอย่างดีที่สุด เพื่อทำให้เกิดการผลัดเปลี่ยนของการเข้าสู่หลักประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบแน่นอน