เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 4 ส.ค. 66 ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272  เพื่อปิดสวิตช์ สว. ไม่ให้เลือกนายกรัฐมนตรี ว่า ส่วนตัวมองว่ามาตรานี้จะจบไปเอง กว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือเปลี่ยนบทบัญญัติเสร็จ ก็ใกล้กับเวลาที่ สว. หมดอำนาจตามบทเฉพาะกาล ซึ่งสิ่งที่ต้องกังวลที่สุดคือการที่ สว. สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ และเมื่อถึงสภาชุดหน้า บทเฉพาะกาลนี้ก็จะหมดไป อย่างไรก็ตามในส่วนของ ภท. หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็อยากจะใช้ช่องทางแก้ไขผ่าน สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบอะไร

เมื่อถามถึง ท่าทีของ ภท. ในการโหวตพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 นายอนุทิน กล่าวว่า ตนตอบไปแล้ว ต้องดูในรายละเอียด แต่ก็คงไม่เห็นชอบให้มีการแก้ไข เพราะจะทำให้เวลาการทำงานของสภาต้องเสียเวลา ต่อให้มีการแก้ไขและมีผลบังคับใช้ของรัฐธรรมนูญ ก็ใกล้ๆ ช่วงเดือน พ.ค. 67 แล้ว เมื่อถามว่า การแก้ไขมาตรา 272 ควรทำก่อนหรือหลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องไปดูในบทบัญญัติ ซึ่งระบุว่าต้องมีฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยได้มีการประสานเรื่องการร่วมจัดตั้งรัฐบาลแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ยังเลยครับ”

ต่อมาเวลา 11.30 น. นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวอีกครั้งถึงกรณีที่หากเกิดอุบัติเหตุพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยจะมีท่าทีอย่าไร นายอนุทิน กล่าวว่า ให้เกิดขึ้นก่อน ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ทุกอย่างยังอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย ที่จะต้องบริหารจัดการ ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ หากจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วก็ยิ่งดี ทั้งนี้ ภท. ได้แจ้งแนวทางและเงื่อนไขให้ทางพรรคเพื่อไทยทราบแล้ว ยิ่งจบได้เร็วก็ยิ่งดี ประเทศจะได้เดินหน้าต่อไป

เมื่อถามถึง การรวมเสียงของ สส. และ สว. นายอนุทิน กล่าวว่า เราจะต้องคุยกัน การทำงานให้บ้านเมือง มีสเปกไม่ได้ จะบอกว่าห้ามทำโน้นทำนี่ ไม่ได้ ต้องเอาบ้านเมืองเป็นใหญ่

เมื่อถามถึง กรณีที่พรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตว่าถึงการเปิดโปงของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ในขณะนี้ว่าเป็นการชุบชีวิตใครหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ต้องไปถามพรรคเพื่อไทย”.