เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วยนายวิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย ประธานกลุ่มพันธมิตรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยแห่งประเทศไทย และผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศกว่า 200 ราย เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้ตรวจตู้คอนเทนเนอร์หมูเถื่อน ที่ยังซ่อนอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี อีกหลายพันตู้ พร้อมร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีอาญากับนายด่านกรมศุลกากรแหลมฉบังกับพวก ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (ม.157) โดยมี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีฯเป็นตัวแทนรับเรื่อง

17 สายเรือนำเข้าหมูเถื่อน 161 ตู้ เตรียมทยอยตบเท้าเข้าให้ปากคำ DSI

นายวิวัฒน์ เปิดเผยว่า เราได้รับผลกระทบชัดเจนไม่มีจุดสิ้นสุด เพราะราคาหมูยังตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งความเดือดร้อนไม่มีสุญญากาศ คาดว่าไม่เกิน 2 เดือน เกษตรกรไทยน่าจะล่มสลายแล้ว วันนี้จึงเดินทางมาเพื่ออยากให้ดำเนินการให้จบ จะเหลือกี่พันตู้ก็อยากให้จบ ทั้งในท่าเรือสงขลาหรือในภาคใต้ที่ค่อนข้างหนัก เพราะถ้าดำเนินการท่าเรือนี้จบ ท่าเรืออื่นก็ยังมี อย่างไรก็ตามวันนี้เรามีต้นทุนสำหรับเลี้ยงหมู 96 บาทต่อ 1 กก.ต่อ 1 ตัว แต่ขายได้เพียง 46 บาท (ราคาในพื้นที่ภาคอีสาน) จะต้องเป็นราคานี้อีกนานเท่าไร หมูโตกินอาหารทุกวัน ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านต้นทุนอยู่ที่ 70 บาท เมื่อต้นทุนแพงหมูเถื่อนเลยเข้ามา เกษตรกรไทยไม่มีทางสู้ และมันไม่ใช่ความผิดของเกษตรกร วัตถุดิบค่าอาหารสัตว์ก็ไม่ลดลง กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ไม่มีการช่วยเหลือเกษตรกรไทย คุยจนเข่าด้านแล้ว ตนมองว่าการที่ของเถื่อนต่าง ๆ เข้ามาเมืองไทย กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศทำอะไรอยู่

นายวิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันนี้จำนวนเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูจากเดิมเรามี 2.8 แสนคน เหลือเพียงประมาณ 40,000 คน ดังนั้นหมูเถื่อนต้องหมด จะมาขาย 50-60 บาทแบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเกษตรกรไทยเจ๊ง ขบวนการลักลอบเนื้อหมูนี้ก็เข้ามาไม่เลิก งวดหน้าต้องจบ ถ้าไม่จบคงจะได้เจอกัน ทั้งนี้ตนและเกษตรกรไทยขอบคุณอธิบดีดีเอสไอ และคณะพนักงานสอบสวน บริษัทสายเรือที่ให้ความร่วมมือ ขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และพรรคการเมือง ตนเข้าใจทุกการเมืองมีดีมีชั่ว แต่สังคมอยู่ได้ด้วยความดี อย่างไรก็ตามไม่อยากให้หยุดที่ 161 ตู้ ขอให้ตรวจสอบให้ครบ อย่าให้หมูเถื่อนเกลื่อนเมืองอีก

นายอัจฉริยะ ระบุว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.พ.-เม.ย.ที่ผ่านมา ด่านกรมศุลกากรแหลมฉบัง แถลงข่าวเกี่ยวกับจำนวนตู้คอนเทเนอร์ของขบวนการขนหมูเถื่อน ว่ามีการตกค้างอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี มากกว่า 1,000 ตู้ ไม่นับรวม 161 ตู้ จากนั้นยังพบว่าการทะลักของหมูเถื่อนนั้นไม่มีหยุด จากท่าเรือแหลมฉบังขยายไปยังท่าเรืออื่นด้วย ทั้งท่าเรือคลองเตย ท่าเรือมุกดาหาร เป็นต้น

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เรายังตรวจสอบพบว่ามี 19 สายเรือ ที่มีการขนหมูเถื่อนเข้ามา โดย 2 สายเรือนำเข้ามาตั้งแต่ปี 65-ปัจจุบันมากกว่า 2,000 ตู้ จากที่กรมศุลกากรบอกจับกุมได้ 161 ตู้นั้น ทำให้เห็นว่ามีการหลุดรอดไปแล้วกว่า 2,000 ตู้ มีมูลค่าต่อตู้ประมาณ 3.5 ล้านบาท ดังนั้นถ้าหลุดรอดไป 10,000 ตู้ จะมีมูลค่าประมาณ 35,000 ล้านบาท เราอยากดำเนินคดีทั้งนายด่านท่าเรือแหลมฉบัง และอธิบดีกรมศุลกากร และต้องการให้ตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ที่เหลืออยู่ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง นับ 1,000 ตู้ ตามที่นายด่านกรมศุลกากรได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนก่อนหน้านี้ และที่ท่าเรืออื่นด้วย