เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ห้องรับรองกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ กองคดีฮั้วประมูลฯ ร่วมกันแถลงรายละเอียดการสืบสวนเครือข่ายบริษัทของ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ผู้ต้องหาในคดีสั่งยิงสารวัตรทางหลวง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ ที่อาจเข้าข่ายฮั้วประมูลฯ

โดยการสืบสวนเครือข่ายดังกล่าวพบว่า มีการรับโครงการจากภาครัฐ จำนวน 1,544 โครงการ มูลค่า ณ ตอนนี้ งบประมาณ 7,500 ล้านบาท ราคารวมทุกสัญญา 6,900 ล้านบาท อีกทั้งดีเอสไอมีหน้าที่ในการสืบสวนเรื่องฮั้วประมูล สำหรับโครงการที่มีมูลค่าเกิน 30 ล้านบาท จึงได้ดำเนินการตรวจสอบโครงการของกำนันนกจำนวน 1,544 โครงการ (จำนวนโครงการที่รับงานจากภาครัฐ) และหลังจากดีเอสไอตรวจสอบ ก็พบว่าโครงการของ ป.รวีกนก ก่อสร้าง จำกัด มี 2 โครงการ

ส่วนของ ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง จำกัด มี 18 โครงการ ที่มีมูลค่าเกิน 30 ล้านบาท แต่ที่ดีเอสไอเห็นข้อพิรุธคือ 2 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการประกวดราคาจ้างเหมาทำการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย อ.ดอนตูม-ต.ลำลูกบัว และ 2.โครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย ต.ลำลูกบัว-บรรจบทางหลวงหมายเลข 346 ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดกรมทางหลวง และดีเอสไอได้รับเอกสารข้อมูลโครงการจากกรมทางหลวงเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ มีชาวบ้านซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้ซื้อซองจากทั้งสองโครงการดังกล่าว ได้แจ้งข้อมูลทางลับมาที่ดีเอสไอ และดีเอสไอมองว่าอาจเข้าข่ายมีพฤติการณ์สมยอมราคากัน กรอบของดีเอสไอ คือ ดำเนินการตรวจสอบโครงการทั้ง 20 โครงการนี้ ตามที่ได้รับข้อมูล โดยจะทำให้เป็นโครงการตัวอย่างก่อน 2 โครงการตามที่เรียนข้างต้น และอาทิตย์หน้าเตรียมรับเป็นคดีพิเศษ ส่วนเรื่องโครงการใดที่เห็นความผิดชัดเจนแล้วนั้น ยังไม่เรียกว่ามีความผิด แต่เรียกว่ามีข้อพิรุธ คือ มีการประมูลในราคาต่ำ หรือเรียกว่าฟันราคา และทั้งสองโครงการนี้ใกล้เคียงกัน คือ กลุ่มได้งานคือกลุ่มเดียวกัน กลุ่มซื้อซองก็ใกล้เคียงกัน อีกทั้งเมื่อเช้านี้จากการที่มีการเข้าตรวจค้น ก็พบว่าในกลุ่มผู้ซื้อซองอาจเป็นคนได้รับผลประโยชน์ได้

ลักษณะผู้จัดฮั้วประมูล มีการแตกสาขา กลุ่มใครกลุ่มมัน อาจมีบ้านเล็กบ้านใหญ่ หรืออาจเกี่ยวข้องกับนักการเมืองได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่ากำนันนกคงมีลูกมือลูกไม้คอยทำหน้าที่ข่มขู่คุกคามไม่ให้คนเข้ามาเปิดซื้อซอง อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเป็นการคีย์ระบบ e-bidding คนซื้อซองไม่จำเป็นต้องรับรู้ แต่ในกรณีนี้อาจจะมีความสามารถในการรับรู้การซื้อซอง แล้วดำเนินการบล็อกไว้ เพราะตอนยื่นซื้อซองของทั้งสองโครงการ มีประมาณ 30 กว่าราย แต่ในวันประมูลเหลือเพียงไม่กี่ราย และในช่วงสัปดาห์หน้า ตั้งแต่วันที่ 18-20 ก.ย. นี้ ได้เรียกบริษัทที่เคยยื่นซื้อซอง จำนวน 58 บริษัทเข้าให้ข้อมูล โดยทยอยเข้าให้ข้อมูลวันละประมาณ 20 บริษัท หากการให้ปากคำเป็นประโยชน์ เราก็จะกันเป็นพยาน แต่ถ้าให้ข้อมูลไม่เป็นประโยชน์ อาจแปลได้ว่าสมยอมหรือไม่ และดีเอสไอจะสอบถามเรื่องความสัมพันธ์ต่าง ๆ รวมถึงจะดูเรื่องเบอร์โทรศัพท์และการติดต่อด้วย เพื่อหาความสัมพันธ์เชื่อมโยง ทั้งนี้ เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เราจะตรวจสอบดูให้ครบทุกมิติ

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวด้วยว่า มีพยานบางส่วนแจ้งเรื่องข่มขู่มาแล้ว โดยมีพฤติกรรมไม่ให้พยานไปยื่นซองประมูล อ้างว่าโครงการนี้เป็นของผู้ใหญ่ ซึ่งคนที่ถูกข่มขู่นั้น ถูกข่มขู่ทางโทรศัพท์ สำหรับการออกหมายเรียก นายประโยชน์ จันทร์คล้าย และนางสุวีณา จันทร์คล้าย (บิดา-มารดากำนันนก) ดีเอสไออาจจะไม่ได้ออกหมายเรียกพยาน แต่จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนมีความชัดเจน ซึ่งหากพบความผิด หรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดฮั้วประมูลโครงการของภาครัฐ ดีเอสไอก็จะดำเนินการออกหมายผู้ต้องหาได้ทันที