เมื่อวันที่ 19 ก.ย. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.ทำนุรัฐ คงมั่น รอง ผบก.สอท.1 พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน กก.4 บก.สอท.1 นำกำลังเข้าจับกุมตัว น.ส.ลัดดาวัลย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับในความผิดฐาน “ลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งมีมาตรการการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และเป็นผู้เปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยไม่ได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่น” ซึ่งเป็นรายสุดท้ายของเครือข่ายบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นกรมที่ดินหลอกผู้ประกาศข่าวสาวช่องดังให้เสียภาษีที่ดิน สูญเงินกว่า 1 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่บริเวณหอพักในต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

สืบเนื่องจากเมื่อเดือนส.ค.66 นางสาวประวีณมัย บ่ายคล้อย ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องดัง ถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกติดตั้งแอปพลิเคชั่นกรมที่ดิน อ้างติดต่อเรื่องเสียภาษีที่ดินประจำปี กระทั่งพบว่ามีการทำธุรกรรมการเงิน ถูกถอนออกจากแอปฯ โมบายแบงกิ้ง กว่า 1 ล้านบาท ใน 3 บัญชี ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีผู้กระทำความผิดจำนวน 5 ราย ซึ่งมีพฤติการณ์ร่วมกันเปิดบัญชีม้าและมีส่วนร่วมในการเข้าถึงระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ เพื่อนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียหายไปดำเนินการหลอกลวงจนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ

ต่อมาเมื่อ 9 ก.ย.66 ศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย โดยเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 4 ราย จากการสอบสวนพบอีกว่าผู้ต้องหามีการซัดทอดว่ามีนายหน้าชายไทย ลักลอบพาผู้ต้องหากลุ่มนี้ข้ามชายแดนเพื่อไปเปิดบัญชีและสแกนใบหน้า ชัดเจนว่ามีเจตนาร่วมกันกระทำความผิดและเป็นหนึ่งในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กระทั่งสามารถติดตามไปจับกุม น.ส.ลัดดาวัลย์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับรายสุดท้ายไว้ได้ ส่วนนายทุนที่อยู่เบื้องหลังทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งรัดติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ กล่าวว่า ฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่าอย่าได้หลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อ โดยปัจจุบันมิจฉาชีพปรับรูปแบบมาใช้แอปพลิเคชั่นเพื่อปลอมเป็นระบบของราชการ รวมทั้งมีวิธีการหาข้อมูลของผู้เสียหายมาใช้หลอกลวงจนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อได้ ดังนั้นประชาชนจึงต้องระมัดระวัง ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน หากมีข้อสงสัยสามารถปรึกษาสอบถามสายด่วน ตำรวจไซเบอร์ 1441 ได้ทันที