เมื่อวันที่ 26 ก.ย. รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกันต่อกรณี ตำรวจตัดตำรวจ กรณีบุกบ้านบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. โดยได้ ท่านเรวัช และรองแต้ม มาร่วมให้ความเห็นในเรื่องนี้

พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด บอกว่า กรณีชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. ไม่น่าใช่ประเด็น เพราะ รอง ผบ.ตร. คนที่จะได้ขึ้นต่อไป เขารู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร ตัวท่านเองก็รู้ บิ๊กโจ๊ก เองก็รู้ ว่าไม่ใช่ตัวเขา แล้วอายุราชการของบิ๊กโจ๊ก ก็ยังเหลืออีกหลายปี จะมาขึ้นตอนนี้ก็ปิดหัวคนอื่นหมด จึงคิดว่าไม่ใช่สาเหตุนี้

สิ่งที่อยากจะบอกน้องๆ ก็คือ ตำรวจผู้ใหญ่ทะเลาะกัน ต่างคนต่างมีอิทธิฤทธิ์ มันเจ็บทั้งคู่ เพราะฉะนั้น อยากให้น้องๆ ใจเย็นๆ อะไรคุยกันได้ก็คุย แต่เท่าที่ดูตอนนี้ เหมือน “มวยยก 5” ที่ต้องเร่งแสดงฝีมือ ให้มันเข้าตาผู้บังคับบัญชา “ก่อนหมดยก”

ขณะที่ รองแต้ม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ไล่เรียงเหตุการณ์การบุกจับผู้ต้องหาหน้าบ้านบิ๊กโจ๊กเมื่อวานนี้ ถามว่าทำได้ตามขั้นตอนไหม ก็ต้องบอกว่าได้ แต่ถามว่าไปจับที่อื่นได้ไหม ก็ได้เหมือนกัน แล้วถามว่าทำไมไม่เอาผู้บังคับบัญชามา จะมาค้นบ้านตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไม่มี ผบ. มาไม่ได้ รองแต้มมองว่า มันไม่ใช่ ในหมายค้นจะมีระบุชื่อในหมาย ว่าในหมายค้นจะมีชื่อใครบ้าง อันนี้ตามกฎหมาย

แต่หากมองตามมารยาท ว่าเป็นบ้าน รอง ผบ.ตร. มันผิดมารยาท มันอาจจะผิดใจกัน ถ้ามันต้องทำจริงๆ ก็ควรเอาผู้บังคับบัญชาระดับสูงมาพูดคุย มาทำความเข้าใจกัน

การออกหมายจับ ออกหมายค้น มันต้องไปตามให้เจอก่อนว่า บ้านหลังที่จะไปค้นเป็นบ้านใคร มีชื่อใครเป็นเจ้าของบ้าน ใครอยู่อาศัยในบ้าน ทีนี้ปัญหาในคดีนี้ คือผู้ต้องหาตามหมายจับเป็นตำรวจ ถามว่าตอนไปขอศาลออกหมายจับ มันต้องใส่ยศตำรวจให้ศาลรับทราบหรือไม่ ก็ไม่จำเป็น เพราะเวลาออกหมายจับ เขาคีย์จากเลขประจำตัวประชาชนตามเลข 13 หลัก ซึ่งชื่ออาจจะนำหน้าด้วย “นาย” จริงๆ ถามว่าผิดไหม ก็ไม่ผิด แต่ถ้ารู้ว่าเป็นตำรวจอยู่แล้ว จะมีเทคนิคอะไรยังไง ก็ว่ากันไป

สาเหตุของการอนุมัติหมายค้น มันจะมีไม่กี่สาเหตุ คือ ไปตรวจยึดสิ่งของตามคำสั่งของศาล หรือไปหาสิ่งของที่ใช้กระทำความผิด หรือไปค้นเพื่อจับบุคคลตามหมายศาล ถ้าเป็นไปเพื่อสาเหตุเหล่านี้ ศาลท่านออกหมายอยู่แล้ว

รองแต้มบอกว่า ถ้าเป็นตนต้องเข้าไปจับกุม ถ้ารู้ว่าเป็นบ้านบิ๊กโจ๊ก ก็ไม่จำเป็นต้องขอหมายศาล หมายค้น อาจจะแจ้งส่วนตัวเป็นมารยาท ให้บิ๊กโจ๊กสั่งลูกน้องมามอบตัว ถ้าไม่ส่งมาบิ๊กโจ๊กก็มีความผิด แต่ถ้าไม่รู้ มีหมายศาล มีหมายค้น ยังไงก็ต้องทำหน้าที่

ขณะที่ท่านเรวัช ก็พูดตรงกันว่า ถ้ารู้ว่าเป็นบ้านรอง ผบ.ตร. ตนไม่เข้าแน่นอน เป็นผู้บังคับบัญชาตน ก็ต้องให้เกียรติ ต้องเคารพกัน ต่อให้ถือหมายจับไป ก็ต้องให้เกียรติกัน แต่ใจตนคิดเอาเองว่า ชุดจับกุมไม่รู้จริงๆ ว่าบิ๊กโจ๊กพักอยู่ที่นี่ คงไม่รู้จริงๆ ว่าจะเจอบิ๊กโจ๊กตัวเป็นๆ

แต่ถามว่าทำไมต้องเอาชุดคอมมานโดไป ท่านเรวัช กับรองแต้ม พูดตรงกันว่า ยุคนี้ต้องทำแบบนี้หมด จะถือหมายไปแบบหน่อมแน้ม ผู้ต้องหาเป็นตำรวจ มีอาวุธ เกิดขัดแย้งยิงกันขึ้นมา มันจะเกิดความสูญเสีย ก็ต้องใช้กำลังคอมมานโดไป คนร้ายเห็นแบบนี้ก็ไม่กล้าสู้

พล.ต.ท.เรวัช เล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อวานนี้ ที่คอมมานโดไปถึงบ้านบิ๊กโจ๊ก แล้วเจอบิ๊กโจ๊กมายืนหน้าบ้าน สั่งให้เอาผู้บังคับบัญชามา ตนเชื่อว่าพวกเด็กๆ ที่ไปวันนั้น มันวิ่งหนีได้ก็คงหนีไปแล้ว แล้วผู้บังคับบัญชา อย่าง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. เป็นไปได้ก็ไม่อยากไปหรอก แต่เหมือนโดนถีบลงไปในสังเวียนสู้วัวกระทิง ก็ต้องไป

ท่านเรวัชเล่าอีกว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ ตนเห็นว่าตอนคอมมานโดเข้าไป เขาก็เข้าไปปกติ ตนก็ไปจอดมอเตอร์ไซค์คุย เห็นเขาเข้าไปอย่างคึกคัก แต่พอเดินออกมา มันมายืนหลบอยู่ข้างรถกันหมดเลย ตนก็เลยไปถามว่ามีอะไร ตำรวจที่ไปเป็นรุ่นน้องลูกชายตน เรียกตนว่าพ่อ เด็กๆ บอกว่า ท่านรองโจ๊กยืนอยู่หน้าบ้าน ผมจะทำยังไงดี ขอคำแนะนำจากตน ตนก็บอกว่า ถ้าให้กูแนะนำจริงๆ หนึ่งเลย มึงไม่ต้องโผล่ไปให้เขาเห็นเลยนะว่ามึงเป็นใคร แล้วไอ้บันทึกหลังหมายค้น ที่ต้องลงชื่อกันหลังผลการจับกุม ตนเชื่อว่างานนี้มีคนลงชื่อหลังหมายแค่ 3 คนเท่านั้นล่ะ บอกน้องๆ ไปว่าไม่ต้องไปลงชื่อกับเขานะ

ขณะที่รองแต้ม บอกว่า ขอมองต่างกับท่านเรวัช เพราะเวลาตำรวจไปทำหน้าที่ ไปตามคำสั่ง บิ๊กโจ๊กจะไปโกรธเด็กๆ มันไม่ได้ ถ้าจะโกรธก็ต้องไปโกรธที่ตัวต้นเรื่อง แต่ตนก็คงพูดได้แค่นี้ เดี๋ยวจะมีปัญหาใหญ่โตตามมาอีก

ส่วนมีภาพ พ.ต.อ.ภาคภูมิ กอดแนบชิดกับ “มินนี่” ท่านเรวัชบอกว่า ภาคภูมินอกจากจะโดนคดีอาญา ต้องไปเคลียร์กับเมียด้วย เพราะคดีเมียไม่มีหมดอายุความ รองแต้มถึงกับเสริมว่า เขาเรียกว่าตายซ้ำตายซาก แบบนี้ซวยหนัก

ขณะที่ รองแต้ม พิจารณาเส้นทางการเงิน เห็นชัดว่า ภาคภูมิ กับ มินนี่ มีความสัมพันธ์กันแน่นอน แต่คำถามคือ ภาคภูมิโอนไปหาคริษฐ์ จะโอนผ่านบัญชีม้าทำไม ทำให้สลับซับซ้อนทำไม เส้นทางการเงินเหล่านี้มันถูกทำให้สลับซับซ้อน จนเหมือนมีเงื่อนงำ เห็นความผิดปกติ จึงนำไปสู่การออกหมายจับ

เท่าที่ตนพิจารณาดู ตนก็คิดว่ารองโจ๊กไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้หรอก แต่ถามว่า มีโอกาสโดนด้วยไหม ก็ต้องมาแก้ตัวให้ได้เรื่องการโอนเงินให้แม่รองโจ๊ก รองโจ๊กต้องชี้แจงให้ได้ว่า เส้นทางการเงินที่โอนให้แม่ ทำไมถึงโอนจากบัญชีม้า

แต่หากอ้างอิงจากคำสัมภาษณ์ของรองโจ๊ก บอกว่า ตนงานเยอะ ไม่มีเวลา ก็เลยให้คริษฐ์เป็นคนถือบัญชี ทำธุรกรรมการเงินต่างๆ แทน เป็นค่าจ่ายค่าน้ำค่าไฟ โอนเงินให้แม่ ซึ่งก็ต้องไปถามลูกน้องว่า จะใช้บัญชีม้าทำไม ในเมื่อเงินของตนก็ได้มาอย่างถูกต้อง

ท่านเรวัช กับ รองแต้ม มองตรงกันว่า คนสำคัญก็คือ คริษฐ์ ที่ถือบัญชีรับโอนจากบัญชีม้า ต้องชี้แจงที่มาการเงิน การจ่าย เพราะเส้นทางการเงินมาจากมินนี่ หากมองในแง่ดี ตำรวจพวกนี้มันเป็นหัวหน้าชุดทำงาน บางทีก็ต้องมีเงินติดเนื้อติดตัว เวลาไปปฏิบัติหน้าที่ มันต้องถือ “งบลับ” เอาไว้แจกจ่ายให้คณะทำงาน เงินส่วนนี้มันไม่พออยู่แล้ว การควักเงินตัวเองมันเป็นประจำอยู่แล้ว คริษฐ์ในฐานะพ่อบ้าน จะเอาเงินบิ๊กโจ๊กไปเล่นแร่แปรธาตุอย่างไร จนมีบัญชีม้ามาเกี่ยว อันนี้ต้องชี้แจงให้ได้