เมื่อวันที่ 15 ก.ย.​ ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ศาลอ่านคำสั่งประกันตัวของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ในคดีที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องฝากขัง 1.นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า 2.นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน 3.นายชาติชาย แกดำ 4.นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และ 5.นายณัฐชนน ไพโรจน์

ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิดนั้น (ผู้ต้องหาลำดับที่ 2 ไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการฯ), ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่มีจำนวนรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ (ยกเว้นผู้ต้องหาลำดับที่ 1, 3, 6 และ 9) และข้อหาอื่น

จากกรณีเมื่อวันที่ 2 ส.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.น.ได้จับกุมนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน กับพวกมาควบคุมที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 หมู่ 6 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.คลองห้า ต่อมาวันเดียวกัน (2 ส.ค.64) นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน, นายณัฐชนน, น.ส.ปนัดดา, นายภาณุพงศ์ หรือไมค์, นายธนพัฒน์, นายพรหมศร, นายชาติชาย, นายสิริชัย เป็นแกนนำหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการให้มีการมั่วสุมกันมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง

โดยนายพริษฐ์กับพวกมีการสลับกันขึ้นพูดปราศรัยบนรถที่มีเครื่องขยายเสียงโดยไม่มีการขออนุญาต มีการพูดปลุกเร้า กดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัวนายจตุภัทร์หรือไผ่ดาวดิน กับพวกที่ถูกจับกุมและควบคุมตัวอยู่ภายใน บก.ตชด.ภ.1 ออกมา และมีการก่อความวุ่นวายโดยใช้รถยนต์ปิดกั้นถนนลักษณะเป็นการขัดขวางการจราจรทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนวุ่นวายในบ้านเมือง อีกทั้งยังได้ปราศรัยโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่และรัฐบาล

โดยก่อนหน้านี้ศาลจังหวัดธัญบุรีและศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา แต่ต่อมา ศาลอุทธรณ์ภาค 1 อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว นายแซม สาแมท, น.ส.ปนัดดา ศิริมาศกุล และนายสิริชัย นาถึง

โดยในวันนี้ (15 ก.ย.) ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน โดยให้เหตุผลทำนองเดียวกันว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่าแม้ผู้ต้องหาจะถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันหลายคดี แต่เวลาได้ล่วงเลยมาเดือนเศษ นับแต่ผู้ต้องหาถูกจับการสอบสวนน่าจะคืบหน้าใกล้แล้วเสร็จ ประกอบกับไม่มีข้อบ่งชี้ว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือจะหลบหนีและหลักประกันน่าเชื่อถือ จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาระหว่างสอบสวน ตีราคาประกัน 1 แสนบาท กับให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) โดยถือเอาคำรับรองของผู้ต้องหาในอุทธรณ์ข้อ 2.5 เป็นเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติในการปล่อยชั่วคราวให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ในวันนี้ศาลอุทธรณ์ภาค​ 1 มีคำสั่งให้ประกันตัวผู้ต้องหาหมดทุกคนในคดีเหตุเกิดที่คลอง 5 ปทุมธานี ไม่มีใครติดค้างในเรือนจำในส่วนของธัญบุรีเเล้ว เเต่ส่วนของนายพริษฐ์นั้น ศาลอาญามีคำสั่งถอนประกันไปก่อนหน้านี้ในคดีปักหมุดสนามหลวง ฉะนั้น เพนกวิน จะต้องย้ายกลับไปยังเรือนจำคลองเปรม ซึ่งหลังจากนี้ก็จะดำเนินการยื่นประกันตัวเพนกวินต่อศาลอาญาต่อไป

ด้านนางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ แม่เพนกวิน ชิวารักษ์  กล่าวว่า แม่อยากให้รักษาเพนกวินให้หาย เพราะว่าอาการมันก็จะยิ่งกำเริบๆ สะสมขึ้นเรื่อย ๆ คือเด็กก็ไม่ได้หนีไปไหนก็ถูกกักขังอยู่เหมือนเดิมเพียงแต่อยากให้เขาได้รีบการรักษาอย่าให้เขาทุกข์ทรมานและยิ่งตอนนี้พวกพี่ๆ​ เขาได้ออกไปแล้ว ถ้าเกิดฉุกละหุกพี่ๆ​ เขายังพอช่วยได้ อันนี้เพนกวินอยู่คนเดียว หากเกิดอะไรขึ้น เพนกวินไม่สามารถเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้ และอย่างหนึ่งมันก็เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนต้องมีชีวิตอยู่ก็อยากให้ศาลยุติธรรม ไม่ว่าคำร้องอันนี้จะไปอยู่ที่ท่านใด รัฐมนตรีช่วยหรือรองปลัดใครก็แล้ว แต่คำร้องอยู่โต๊ะท่านกรุณาพิจารณา เพราะชีวิตมีคุณค่าไม่ว่าเขาจะเป็นใครไม่ว่าเขาจะมาจากครอบครัวไหนจะอยู่ระดับไหนก็แล้วชีวิตทุกคนมีคุณค่า

ต่อมาเวลา 16.40 น. ที่หน้าเรือนจำอำเภอธัญบุรี ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นายพรหมศร วีระธรรมจารี, นายชาติชาย แกดำ, นายภาณุพงศ์ จาดนอก ได้เดินออกมาจากเรือนจำ โดยมีพ่อแม่ บรรดา เพื่อน ๆ กว่า 100 คน เดินทางมาคอยต้อนรับหลังจากทราบข่าวว่าศาลให้ประกันตัว โดยเมื่อทั้งสามคนเดินออกมา เพื่อนๆ​ และมวลชน ต่างส่งเสียงด้วยความดีใจ พร้อมทั้งโผเข้ากอด และมอบดอกไม้เพื่อแทนกำลังใจให้กับทั้งสาม โดยทั้งสามคนได้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) ออกมาด้วย

นายภาณุพงศ์ กล่าวว่า สิ่งแรกที่หลังจากออกมาก็อยากจะบอกว่าขอบคุณ พ่อแม่พี่น้อง ทุกๆ​ ท่านมากที่อยู่ร่วมต่อสู้กันมา ที่เราจะรู้จักกันหรือไม่รู้จักก็ตาม และขอขอบคุณทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และขอบคุณเพื่อนๆ​ ที่ร่วมอุดมการณ์ทุกคน และต่อจากนี้ไปขอให้มันเป็นเวลาของการเปลี่ยนแปลงของพ่อแม่พี่น้องประชาชน จากมวลชน จากประชาชนทุกคน ที่ต่อสู้ร่วมกัน และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมก็จะขอต่อสู้ต่อไป

ด้านนายพรหมศร กล่าวว่า นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน ชิวารักษ์ ได้เขียนจดหมายออกมาให้กับพี่น้องได้รับฟังด้วยข้อความว่า เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ ศักดินาจงพินาจ ประชาราษฎร์จงเจริญ

ขณะที่นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความประจำศูนย์สิทธิมนุษยชน ทนายความของแกนนำคณะราษฎร กล่าวว่า สำหรับวันนี้ศาลอุทธรณ์ได้อนุญาตให้ประกันตัว โดยมีเงื่อนไขคือ 1 ห้ามทำกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ให้ทำกิจกรรมภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ และก็ให้ติดกำไลอีเอ็ม และวางเงินประกันคนละ 1 แสนบาท และศาลมีกำหนดให้มารายงานตัวในวันที่ 21 ก.ย. นี้ อีกครั้งในการไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล และ วันที่ 29 ก.ย. รวม 2 ครั้ง ในส่วนของ เพนกวิน พวกเราจะต้องไปยื่นประกันตัวที่ศาลอาญาอีกครั้งนึง จะยื่นภายในสัปดาห์นี้ที่ทีมทนายจะเข้าไปยื่นประกัน