เมื่อวันที่ 4 ต.ค. พล.อ.อ.พันธุ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงกรณีการจัดทำงบประมาณปี 2567 ของกองทัพอากาศ เพื่อสนองตอบนโยบายของรัฐบาลในการชะลอการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ที่ไม่จำเป็น ว่า กองทัพอากาศได้รับทราบนโยบายของนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งได้ชะลอโครงการ การจัดซื้อจัดหาอาวุธ โดยเฉพาะโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ ซึ่งท่านก็รับทราบ และเข้าใจถึงความจำเป็นของกองทัพอากาศ แต่ในปีนี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ซึ่งต้องมาร่วมมือกับทางรัฐบาล กองทัพอากาศก็จะใช้การปรับปรุงเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงการซ่อมบำรุง เน้นการจัดหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย

เมื่อถามว่าต้องพับโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ฝูงใหม่ไปเลยหรือไม่ พล.อ.อ.พันธุ์ภักดี กล่าวว่า คงพับแผนไม่ได้ เพราะเรามีข้อจำกัด ตามรัฐธรรมนูญที่เราต้องปฏิบัติตามความมั่นคงในเรื่องการปกป้องเอกราชอธิปไตย ซึ่งในปี 2571 เป็นต้นไป เราจะเริ่มทยอยปลดประจำการเครื่องบินขับไล่ F16 ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งใช้เวลาประมาณ 5 ปีปลดประจำการ ระหว่างนี้เราพยายามซ่อมบำรุง เพื่อให้ปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะฉะนั้นการจัดหาเครื่องบินมาทดแทนต้องใช้ระยะเวลา เช่นการจัดหาเครื่องบินกริพเพน 1 ฝูงได้  ไม่ได้จัดหามาครั้งเดียว เราต้องใช้เวลาถึง 10 ปี ในการฝึกนักบิน เพื่อให้เกิดความพร้อมรบ เพราะฉะนั้นต้องวางแผนล่วงหน้า และอาจจะต้องขอจัดหาเครื่องบินขับไล่ทดแทนในปีงบประมาณ 2568 สำหรับโครงการอัปเกรดกริพเพน ขณะนี้ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้ง 11 เครื่อง ซึ่งเพียงพอกับการปฏิบัติการทางอากาศ 

เมื่อถามว่าได้เตรียมแนวทางเอาไว้อย่างไรในการจัดหาเครื่องบินขับไล่ในปีงบประมาณ 2568 พล.อ.อ.พันธุ์ภักดี กล่าวว่า จะต้องคุ้มค่า เกิดประโยชน์กับกองทัพอากาศ โดยนายกฯ มีนโยบายในเรื่องของการไปซื้อของต่างประเทศ ขณะเดียวกันให้ประเทศนั้นเข้ามาซื้อผลิตภัณฑ์ของเราด้วย ซึ่งกองทัพอากาศก็ให้ความสำคัญ และยึดเป็นนโยบาย ถ้าเราจะเอาเงินไปซื้ออาวุธของต่างประเทศ บริษัทที่เป็นคู่ค้าจะต้องนำเงินกลับเข้าประเทศของเรา ในมูลค่าที่ใกล้เคียงกัน หรือตามสัดส่วนที่จะกำหนดต่อไป อย่างบางประเทศกำหนดเป็นอัตราตายตัว แต่ในส่วนของเราขณะนี้ยังไม่มี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตอบโจทย์ประชาชนได้ ในอนาคตกองทัพจะอยู่เคียงข้างประชาชนและเข้าใจบทบาทของผู้มาบริหารประเทศก็จะไปด้วยกันได้.