เมื่อวันที่ 5 ต.ค. นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่ นายทศพล อาจารย์เกษียณราชการ อายุ 67 ปี ก่อเหตุบุกเข้าไปทำร้ายร่างกายนายศรีสุวรรณ เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 66 ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ อาคาร B ภายหลังจากที่ไปให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประเด็นการร้องเรียนให้ตรวจสอบนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย และนายศรีสุวรรณ ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนายทศพล ที่ สน.ทุ่งสองห้อง หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง แจ้งข้อหากับนายทศพล ใน 2 ข้อกล่าวหา คือ ทำร้ายร่างกายและหมิ่นประมาท

ต่อมาเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 รายงานว่า นายทศพล เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อให้ปากคำแล้ว จึงนำตัวส่งอัยการฟ้องต่อศาลแขวงดอนเมือง ให้ลงโทษตาม ป.อาญา มาตรา 91, 295 และ 393

ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 66 ที่ผ่านมาศาลแขวงดอนเมือง มีคำพิพากษาว่า นายทศพล มีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 295, 393 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตาม ปอ.มาตรา 91 ฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย จำคุก 6 เดือน ปรับเงินเข้าหลวงรวม 2 หมื่นบาท

แต่นายทศพลให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง เพราะนายทศพลรู้สำนึกในการกระทำความผิด การที่ถูกจับกุมย่อมทำให้เข็ดหลาบและไม่กล้ากระทำความผิดซ้ำอีก เห็นควรให้โอกาสในการกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อาญา มาตรา 29, 30

ศาลยังมีคำพิพากษาในส่วนแพ่งให้นายทศพลชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายศรีสุวรรณ เป็นเงิน 50,420 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปีอีก โดยให้นับแต่วันทำละเมิดเป้นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จด้วย

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า แม้ศาลจะสั่งให้นายทศพลชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนของตนเป็นเงิน 50,420 บาทก็ตาม ซึ่งต้องเคารพในคำพิพากษาของศาล แต่ก็เป็นบทเรียนให้กับผู้ที่ชอบใช้กฎหมู่ อยู่เหนือกฎหมาย เพราะในการต่อสู้คดีของคนจำพวกนี้นั้น

ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นมีแนวร่วมกองเชียร์ที่เก่งแต่อยู่หน้าคอมพ์ หรือนักการเมืองที่นายทศพลไปถ่ายรูปคู่ด้วย หรือไปร่วมเชียร์ในเวทีปราศรัย มาให้กำลังใจเลยแม้แต่คนเดียว หากแต่ต้องยืนโดดเดี่ยวสู้คดีอยู่คนเดียวในชั้นศาล ฉะนั้น ฝากเตือนพวกด้อมสีส้มสีแดงทุกๆ คนด้วยว่า กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย