เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 30 ต.ค. ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์พิเศษกับเดลินิวส์ถึงมาตรการช่วยเหลือแรงงานไทยที่กลับจากอิสราเอล และการอพยพแรงงานไทยกลับประเทศ ว่า จะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้ (31 ต.ค.) ทั้งของกระทรวงการคลัง กระทรวงต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าเสียดาย เสียใจ และสะเทือนใจพอสมควร สงครามครั้งนี้ รุนแรงมากที่สุดในรอบหลาย 10 ปี มีการพูดกันอย่างตรงไปตรงมาว่า หากยังมีการกวาดล้างยังไม่เลิก ย้ำว่าเราไม่ใช่ประเทศคู่ขัดแย้ง เราเป็นประเทศที่สูญเสียท็อป 3 ของประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้เสียชีวิต 30 กว่าคน และมีผู้ถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มเป็น 20 กว่าคน เรามีแรงงานอยู่ในประเทศประมาณ 3 หมื่นคน ขณะนี้เหลืออยู่ 2.5 หมื่นคน เราก็ไม่รู้ว่าจะลุกลามมากน้อยขนาดไหน มีแรงงานใช้สิทธิกลับประเทศ 8 พันคน และอีก 3 พันคน กำลังทยอยกลับมา

“รัฐบาลมีนโยบายชัดเจน เราพยายามเรียกร้องวิงวอนอ้อนวอนให้เขากลับมา เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่คุ้มค่ากับการเอาชีวิตไปเสี่ยง ที่ผมบอกว่าสะเทือนใจ ก็เพราะว่าคน 2-3 หมื่นคน ที่เอาชีวิตไปเสี่ยงชีวิตเพื่อเอารายได้หลักหมื่น มาจุนเจือครอบครัวที่อยู่ไทย จึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจากปัญหาทางเศรษฐกิจ นโยบายการเงินการคลังที่ดี ไม่ใช่ระมัดระวังวินัยการเงินการคลังอย่างเดียว แต่ต้องตอบโจทย์ความต้องการประชาชน และยกระดับความเป็นอยู่ประชาชน” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ตนหารือกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ทุกวัน รวมทั้งฝ่ายความมั่งคงก็ให้ข้อมูลมาโดยตลอด บางเรื่องที่เราไม่สมควรจะพูด เพราะมันเป็นเรื่องความปลอดภัยของประชาชน เราถึงไม่อยากพูดในเรื่องที่กำลังดำเนินการอยู่ เพี่อให้ตัวประกันมีความปลอดภัยในชีวิต ขอให้ความมั่นใจไว้วางใจรัฐบาล ดังนั้น ขอให้แรงงานไทยกลับประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมเครื่องบินรองรับไว้แล้ว.