เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 16 เม.ย. ที่องค์การตลาดเพื่อการเกษตร (ตลาด อ.ต.ก.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่หาเสียงตลาด อ.ต.ก. พบปะพ่อค้าแม่ค้า ประชาชน ซึ่งมีประชาชนชูนิ้วเบอร์ 22 เชียร์ลุงตู่ เมื่อผ่านร้านทุเรียน แม่ค้าได้นำทุเรียนให้ พล.อ.ประยุทธ์ ชิมด้วย พร้อมกล่าวว่า กิโลกรัมละ 12,000 บาท ทำให้ พล.อ.ประยุทธ จับมือแม่ค้า และกล่าวว่า “นี่เพชรหรือ” ด้านแม่ค้ากล่าวติดตลกว่า “เป็นอาวุธเผื่อใครพูดไม่เข้าหู” พล.อ.ประยุทธ์ จึงยกนิ้วให้

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่หาเสียงอยู่ในตลาด อ.ต.ก. ขณะที่ด้านนอกตลาด มีชายกลางคนใส่เสื้อสีแดงขี่รถมอเตอร์ไซค์ติดป้ายข้อความว่า “ลุงตู่อยู่ต่อไป คงบรรลัยทั้งแผ่นดิน นโยบายหาเสียงไว้ทำไม่ได้จริง ทิ้งภาระให้ประชาชน เสนียดไปจัญไรมา ข้าว ยาง อ้อย มัน บรรลัย ยุทธศาสตร์ของใครวางไว้ 20 ปี” มีผู้สนับสนุนและขอถ่ายรูป

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวระหว่างพบปะพ่อค้าแม่ค้า ประชาชน ว่าต้องขออภัยเสียงดังไปหรือเปล่า วันนี้ปัญหาเพิ่มขึ้นหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการค้าขายก็พยายามจะทำต่อไปให้ดียิ่งขึ้น ประเด็นของเราคือ คนขายและคนซื้อไม่สมดุลกัน ของขายเยอะมากแต่คนซื้อที่มีกำลังซื้อค่อนข้างน้อย เราจะทำอย่างไรที่จะเพิ่มกำลังซื้อตรงนี้ให้มากขึ้นเพื่อที่จะทำให้เศรษฐกิจฐานรากดีขึ้น จะได้เกิดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ให้มากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นทุกคนต้องร่วมมือกัน รัฐบาลก็จะทำ ในส่วนของพ่อค้าแม่ค้าต้องช่วยกันทำ เราต้องทำทุกอย่างอย่างมีสติและมั่นคง แข็งแรง ยั่งยืน นี่คือสิ่งที่เป็นนโยบายของพรรคเรา ต้องทำให้ยั่งยืน ถ้าทำชั่วครั้งชั่วคราวก็เหมือนเดิม พล.อ.ประยุทธ์ ยังถามกับประชาชนด้วยว่าให้อภัยหรือเปล่าที่เสียงดังในวันนี้

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ รับประทานอาหารกลางวันที่ศูนย์อาหารในตลาด อ.ต.ก. โดย พล.อ.ประยุทธ์ เดินไปสั่งอาหารด้วยตัวเองที่ร้านข้าวราดแกง โดยสั่งเมนู ผัดหน่อไม้ไก่ แกงเทโพหมู ผัดหัวไชโป๊ ผัดผักกาดดองใส่ไข่ และผัดกระเพรา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กินแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ง่ายๆ ดี สมัยก่อนก็กินอะไรง่ายๆ แต่อร่อย

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ในวันเดียวกันนี้ว่า ก่อนอื่นต้องขอโทษประชาชนด้วยที่วันนี้ มีความจำเป็นออกมาลงพื้นที่ในฐานะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในนามพรรค รทสช. ถือเป็นกติกาที่ต้องหาเสียงกัน ดังนั้น ต้องขอโทษหากรบกวนคนที่มาตลาด แต่ยินดีที่ทุกคนให้การต้อนรับอย่างดียิ่งทุกคนมีมิตรไมตรีให้กัน ฉะนั้นขออวยพรให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการค้าขายต่างๆเหล่านี้และ ทำให้ตนมีการบ้านกลับไปคิดอีกว่าจะทำอะไรให้ดีขึ้นกว่าเดิม เป็นการทำต่อ และทำใหม่ให้ดีขึ้นกว่านี้อีก ทั้งนี้ ปัญหาบ้านเราคือร้านค้าเล็กๆ น้อยๆ ค่อนข้างเยอะ กำลังการผลิตเยอะ แต่กำลังซื้อน้อยไป ฉะนั้นจะต้องทำให้ทั้งสองทางไปด้วยกัน ทั้งคนขายและคนซื้อ สามารถพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

เมื่อถามว่าอยากให้นายกรัฐมนตรีอธิบายถึงเงินนโยบายของพรรคเรื่องเงินสวัสดิการที่บอกว่าให้มาก 10,000 บาท พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากลองดูตัวเลขง่ายๆ ถ้าตัวเลขที่เราทำได้คำนวณดูแล้วไม่ผิดกติกาไม่ผิดกฎหมาย ตั้งวงเงินไว้เดือนละ 1,000 บาท ถ้ารวมทั้งปีได้ 12,000 บาท อันนั้นถ้าเปรียบเทียบ 10,000 บาทกี่เดือน ในระยะเวลา 6 เดือนที่ใช้ และเป็นการให้ครั้งเดียว แต่สิ่งที่เราทำได้ทุกเดือน ลองคูณตัวเลขดีมาก และน้อยอย่างไร และมันพุ่งเป้าไปสู่กลุ่มที่เขามีความเดือดร้อนจริงหรือไม่ การใช้เงินไม่ใช่จะหว่านไปทั่ว มันไม่ได้

“ผมไม่ได้ติเตียนว่าใครทั้งหมด ผมบอกเหตุผลของผม และล่าสุดผมเป็นผู้บริหารเอง ในขณะนี้ลองเปรียบเทียบดูแล้วกัน ถ้าไม่พุ่งเป้า เราจะเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่แก้ปัญหาแบบพุ่งเป้าใครเดือดร้อนมาก เดือดร้อนน้อยก็ต้องดูแลกันตามนั้นทุกเรื่อง ก็ต้องทำตามนี้ในหลักการ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามอีกว่าในเรื่องของนโยบายที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ส่งตามกำหนดระยะเวลาพรรค รทสช.เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทางพรรคทำแล้วและเขาต้องส่งให้ทัน คงใกล้เสร็จหมดแล้วเผลอๆ จะเสร็จหมดแล้วด้วยซ้ำไป เพราะเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา ตนได้ถาม ทราบว่าใกล้เสร็จแล้ว เพราะเขาทำมาหลายวันแล้ว และรู้ว่าต้องชี้แจง กกต.ที่มาอย่างไร ซึ่งทุกนโยบายต้องผ่านประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคฯ ไม่เช่นนั้นจะเป็นประธานไปทำไม เพราะประธานไม่ได้มีหน้าที่นั่งเฉยๆ

ผู้สื่อข่าวถามถึงผลสำรวจความเห็นประชาชนที่อันดับความนิยมตกลง ทำให้เสียกำลังใจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทันทีว่า ไม่เสียหรอก ก็เป็นเรื่องของประชาชน เป็นเรื่องของประเทศชาติ ว่าจะได้รับอะไรต่อไป ก็แล้วแต่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคน ตนไม่ห้ามและไปอะไรกับใครไม่ได้อยู่แล้ว

เมื่อถามอีกว่าในช่วงโค้งสุดท้าย พรรค รทสช.จะมีปรับกลยุทธ์ในการหาเสียงอย่างไรหรือไม่ เพื่อให้ผลโพลมาอันดับ 1 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญสุด ตนมองในแง่ว่าทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าใจ และเกิดการให้ความร่วมมือ หากเราหาเสียงกันแบบมีแต่ให้ จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เราทราบกันมาอยู่แล้วที่ผ่านมา เกิดเยอะแยะแล้วแล้ว ได้อะไรกลับมาหรือไม่ มีแต่ปัญหามาตลอด ฉะนั้นวันนี้ทุกประเทศในโลก ถ้าใช้วิธีการนี้คือการดูแลเฉพาะเจาะจงกลุ่มรายได้เท่าไหร่ควรจะได้อะไร และอะไรที่ควรจะได้ทุกคน อะไรที่จะได้บางคน บางรายได้มีหลักคิดทั้งหมด พูดเองเออเองทั้งหมด คนชอบก็กรรมเวรของประเทศไปก็แล้วกัน

จากนั้นเวลา 13.42 น. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดนัดจตุจักร ทั้งนี้ ตลอดเส้นทาง แม้จะมีผู้ส่งเสียงสนับสนุนจำนวนมาก แต่มีผู้เห็นต่าง โดยเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ เดินผ่านมีคนยืนชูสามนิ้ว รวมถึงชูสามนิ้วไล่หลังด้วย พร้อมตะโกนว่า “ไม่ต้องมาหาเสียงที่นี่หรอกให้ทำงานให้ได้ดีกว่า” และ “ถ้าไม่กลัวถูกจับไป สน.บางซื่อ คงจะทำมากกว่านี้” รวมถึงบอกคนพูดอีกว่า “เลือกนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคพรรคเพื่อไทย และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปแล้ว“

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่มีการสอบถามว่าคนนี้เป็นใคร เมื่อทราบว่าเป็นนายกรัฐมนตรีไทย และมาหาเสียง ได้พูดว่า “อะเมซิ่ง” 

ทั้งนี้ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์และคณะเดินมาถึงช่วงกลางตลาดนัดจตุจักร ได้มีนักร้องต่างประเทศ ยืนร้องเพลงสากล พล.อ.ประยุทธ์ จึงได้ขอเพลง Stand by Me กับเพลง when we need my wings ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ร้องคลอตามอย่างอารมณ์ดี ซึ่งในระหว่างนี้พล.อ.ประยุทธ์ ได้หยิบพัดสีแดงขึ้นมาพัดตลอดเวลา เนื่องจากอากาศร้อนอบอ้าวจนทำให้ทีมงานได้นำเอาพัดรูปหัวใจสีไม้ มาเปลี่ยนให้แทน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “สีแดงไม่สวย”

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มาเดินสวนจตุจักรตั้งแต่ยศพันเอก ชอบมาเดินที่นี่ มีหลายร้านที่ชอบ และที่ชอบเพลง Stand by Me เพราะมีคนมายืนอยู่ข้างๆ  รวมถึงที่ชอบเพลง when we need  my wings เพราะความหมายคือลมใต้ปีก จะไปไหนมาไหนก็ต้องมีลม พร้อมกางมือโชว์เหมือนนกบิน

เมื่อถามว่า แล้วคิดว่าใครเป็นลมใต้ปีกบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว่า ภรรยา ประชาชน และลูกของผมไง ที่เป็นกำลังใจให้ผมมาตลอด จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยืนบนขอบรถยนต์ส่วนตัว พร้อมชูสองนิ้วตะโกนว่า “เบอร์ 22” ก่อนเดินทางกลับ.