แต่ผลสะท้อนที่กลับมา เป็นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นว่า ผลโพลออกมาชาวบ้านไม่เอา ไม่ต้องพูดถึงรัฐบาล “นายกฯ เศรษฐา” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ประกาศชัดว่า “ไม่ยุบ” และรัฐบาลไม่มีนโยบายยุบ กอ.รมน.

เห็นได้ชัดว่า ท่าทีชัดเจนของฝ่ายรัฐบาล ทั้งนายกฯ และพรรคเพื่อไทย “ไม่ยุบ กอ.รมน.” อย่างเด็ดขาด นอกจากไม่ยุบแล้ว ยังดึงมาใช้ประโยชน์โดยการปรับบทบาทให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งการช่วยเหลือภัยพิบัติ ใช้เป็นกลไกรัฐบาลในภารกิจหลากหลาย ซึ่งอาจเน้นเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ภัยแล้ง เป็นต้น แต่ไม่มีการพูดถึงนำมาใช้เป็น “กลไกทางการเมือง” แต่อย่าลืมว่า กอ.รมน. เป็นหน่วยงานเน้นเรื่องความมั่นคง ย่อมต้องมีเรื่องการข่าว หรือแม้เรื่องไอโอที่ถูกพูดถึงมากขึ้น

นั่นเท่ากับว่า ทำให้โอกาสที่ร่าง พ.ร.บ.ยุบ กอ.รมน. ของค่ายสีส้ม “เป็นหมัน” ไม่ถูกบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมของสภา ถ้านายกฯ ไม่เซ็นรับรอง และพรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล ไม่เอาด้วยกับแนวทางดังกล่าว จึงทำให้ก้าวไกลต้องเปิดเกมรุก โหมสร้างกระแสทางการเมือง ไม่เห็นด้วยกับท่าทีของ “นายกฯ เศรษฐา” และพยายามเคลื่อนไหวตีจุดอ่อนของ กอ.รมน. เพราะปฏิเสธไม่ได่ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะร่าง พ.ร.บ.ยุบ กอ.รมน. คือหนึ่งร่างกฎหมายสำคัญของก้าวไกล ในการชูธงปฏิรูปกองทัพในช่วงหาเสียงที่ผ่านมา

ขณะที่ “รอมฎอน ปันจอร์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แกนนำในการเสนอร่าง พ.ร.บ.ให้ยุบ กอ.รมน. วิ่งโร่แถลงข่าว โดยระบุว่า “การยกเลิก กอ.รมน. เพื่อทำให้เรื่องความมั่นคงเป็นเรื่องของประชาชน ไม่ใช่ผูกขาดอยู่เพียงแค่บทบาทและหน้าที่ของกองทัพ เพราะที่ผ่านมา กอ.รมน. มีข้อกล่าวหามาก ในเรื่องใช้งบประมาณที่มากเกินจริง จึงเป็นเหตุผลให้เสนอยกเลิก กอ.รมน. เพื่อปฏิรูปงานความมั่นคงทั้งหมด”

งานนี้ “พล.ต.วินธัย สุวารี” โฆษก กอ.รมน. ตั้งโต๊ะชี้แจงทันทีว่า “บทบาทของ กอ.รมน. เป็นส่วนราชการที่มีรูปแบบเฉพาะ หากไม่มี กอ.รมน. ก็อาจจะไม่มีหน่วยงานหลักที่สามารถบังคับใช้ และดำเนินการรักษาความมั่นคงภายใน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาของจังหวัดชายแดนใต้ ที่ กอ.รมน. เป็นหน่วยงานหลัก ซึ่งหากยุบกลไกเครื่องมือการแก้ปัญหาไป แต่ปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีอยู่ ก็อาจจะส่งผลกระทบอย่างแน่นอน”

แน่นอนว่าปฏิบัติการเขย่าลดอำนาจกองทัพของก้าวไกล ผ่านด้วยการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับกองทัพ ในยุคที่ความสัมพันธ์ของผู้นำเหล่าทัพกับรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา หวานชื่น เป็นอันว่าพรรคก้าวไกลต้องหน้าแหกไปแบบงงๆ ประเมินแล้วโอกาสจะเขย่าแบบแรงๆ รื้อทั้งโครงสร้าง น่าจะทำได้ยาก หากเพื่อไทยไม่รับลูกด้วย ยิ่งทำให้พรรคก้าวไกล ถูกมองในทางลบมากขึ้น ว่ามีเจตนาทำลายความมั่นคงภายในหรือไม่.