เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ภายหลังกองกฎหมาย กรม สบส. สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี หน่วยกองสุขภาพจิตที่ 4 ปลัดอำเภอบางบัวทอง ปคบ. สอบสวนกลาง และตำรวจ สภ.บางบัวทอง ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบที่ศูนย์อบรมศาสตร์พลังจิต “อ.เอก ฝ่ามือพลังจิต” หรือ นายกีรติ สมคิด อายุ 53 ปี ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี กรณีเปิดรับรักษาอาการผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์ แขนขาอ่อนแรง หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ปวดคอ ปวดหลัง ปวดหัวไมเกรน หายหรืออาการทุเลาได้ พร้อมเผยเป็นทางเลือกที่นำการรักษาด้วยการปรับธาตุสมดุลร่างกาย รักษาคนตาบอดให้กลับมามองเห็น รักษาผู้ป่วยและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จนอาการดีขึ้น

ซึ่งตั้งแต่เช้าศูนย์อบรมศาสตร์พลังจิต อาจารย์เอก ไม่ได้มีการเปิดให้บริการแต่อย่างใด และไม่มีการปิดป้ายแจ้งให้ทราบว่าจะเปิดวันไหน ทำให้มีคนไข้ที่จะมารักษาหลายคนมาเก้อ ขณะเดียวกันคนไข้ที่มีการนัดหมายล่วงหน้าจ่ายเงินไปแล้วทางศูนย์ฯ ก็ไม่ได้แจ้งเลื่อนนัดทำให้มาเก้อเช่นเดียวกัน โดยทางเจ้าของอาคารที่เปิดให้เช่าสำนักงานได้มาเปิดกุญแจเข้าไปตรวจสอบภายในศูนย์ฯ

สธ.ตรวจศูนย์ฯ ‘อ.เอก ฝ่ามือพลังจิต’ พบปิดเงียบไม่ได้แจ้งล่วงหน้า คนไข้มาเก้อ

ต่อมา นายชาตรี พินใย ผู้อำนวยการกองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ผลการตรวจสอบพบว่าสถานที่แห่งนี้ได้มีการเช่ากับทางโรงแรมตั้งแต่เดือน ม.ค.66 โดยเช่าเพื่อเป็นสำนักงาน แต่วิธีการและพฤติกรรมการโฆษณาลงโซเชียลเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ในข้อกฎหมายสถานพยาบาล กฎหมายวิชาชีพเวชกรรม และกฎหมายการประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย สิ่งที่คุณเอกได้ทำเข้าองค์ประกอบของกฎหมาย โดยมีเจตนามุ่งหมายกระทำต่อร่างกายมนุษย์ ใบอนุญาตประกอบสถานพยาบาลก็ไม่มี รวมถึงใบอนุญาตประกอบวิชาชีพก็ไม่มีเช่นกัน ทั้งหมดนี้ทางเราได้ทำการรวบรวมหลักฐานและประกอบกับทำแบบบันทึกความยินยอมของทางโรงแรมที่ให้เราเข้ามาตรวจค้น โดยอาศัยอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้น จากที่ตรวจที่เกิดเหตุพบน้ำมันจันทร์และสิ่งของบางส่วนที่ใช้ในการประกอบกิจกรรม

จากหลักฐานทั้งหมดทางกรมฯ จะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษที่กอง 4 บก.บคบ. อาจเป็นไปได้ว่าผู้ที่ถูกกล่าวถึงจะนำพาสิ่งของต่าง ๆ ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว จะนำภาพทั้งหมดออกมารวบรวมหลักฐานเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ขณะเข้าตรวจพบเจอผู้ป่วยที่จองคิวเข้ามา โดยมีการเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 1 ราย ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเข้าสอบถามเพิ่มเติมและจะนำเข้าสู่สำนวนด้วย โดย พ.ร.บ.สถานพยาบาล มีโทษจำคุก 5 ปี หรือปรับ 100,000 บาท พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และพ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย จำคุก 3 ปี หรือปรับ 30,000 บาท อาจจะผิดกฎหมายที่ร้ายแรงกว่านี้ ซึ่งการรักษาผิดอยู่แล้ว เข้าพ.ร.บ.ยาและพ.ร.บ.เครื่องสำอาง ต้องดูหลักฐานประกอบซึ่งมีหลายข้อหา

ต่อให้ทางคุณเอก แจ้งว่ากำลังจะไปยื่นขออนุญาตก็ผิดกฎหมายแล้ว ส่วนผู้มารับบริการ ทางกระทรวงสาธารณสุขอยากให้ได้รับบริการจากสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน หากได้รับความเสียหายกระทรวงสาธารณสุขเองรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เข้าไปดูแล กรณีนี้หากคุณแจ้งว่าเป็นศาสตร์ใหม่ควรเข้าตามระบบให้ถูกต้อง อย่าเข้าข่ายหลอกลวงหรือใช้โอกาสเอาเปรียบประชาชน ไม่ถูกต้อง ทางกรมฯ ต้องร่วมมือกับตำรวจเพื่อปราบปราม ภาครัฐได้เปิดสถานพยาบาลเพื่อรองรับผู้ป่วยอย่างถูกวิธี กรณีที่ทางกรมฯ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับพระที่ จ.สุพรรณบุรี ก็ทำนองเดียวกัน เบื้องต้นคุณเอก เคยถูกสาธารณสุข จ.อุบลราชธานี แจ้งความดำเนินคดีแล้วเมื่อปี 62 ซึ่งสำนักงานที่นั่นคาดว่าเป็นสำนักงานใหญ่ ส่วนที่นี่คือสาขาย่อย ยังไม่มีผู้ที่เคยเข้ารับการรักษาไปแจ้งความดำเนินคดี