เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. รศ.ดร.เสถียร ธัญญศรีรัตน์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วีนัส ทัดเนียน รองอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน นายวันชัย โชติวิทยกุล ที่ปรึกษาอธิการบดี ตั้งโต๊ะแถลง เปิดใจหลังกรณีเหตุความขัดแย้งระหว่างสถาบัน และมีการตั้งกลุ่มองค์กรอาชญากรรมขนาดเล็ก โดยมีการเอาชื่อสถาบันไปแอบอ้าง

รศ.ดร.เสถียร กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวน้องหยอดและครูเจี๊ยบ และรู้สึกไม่สบายใจที่มีกลุ่มคนนำชื่อสถาบันไปกระทำการในลักษณะดังกล่าว ซึ่งทำให้สถาบันซึ่งเป็นสถานศึกษาเก่าแก่อายุกว่า 90 ปี เสียชื่อเสียง ยืนยันว่า สถาบันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำในลักษณะดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนไม่เคยส่งเสริมให้นักศึกษารวมกลุ่มกันตั้งองค์กรอย่างที่เป็นกระแสข่าวอยู่ในตอนนี้ แต่ในทางกลับกัน ได้มีการส่งเสริมนักศึกษาให้เรียนหนังสือและส่งเสริมให้สามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพ ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า ไม่มีบุคลากรของสถาบันไปให้การช่วยเหลือหรือส่งเสริม หรือให้เงินสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุ ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วีนัส ยืนยันว่า กลุ่มผู้ต้องหาในคดีน้องหยอดและครูเจี๊ยบ ทั้ง 8 คน ที่จับกุมก่อนหน้านี้ เป็นบุคคลที่พ้นสภาพการเป็นนักศึกษาไปแล้ว ตั้งแต่เดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ส่วนคนที่ 9 ที่มีอาการช็อกและถูกนำส่ง รพ. หลังถูกจับกุมไปไปนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ทั้งนี้ เมื่อช่วงเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา มีนักศึกษากว่า 140 คน ถูกให้พ้นสภาพไปเช่นเดียวกัน โดยเหตุผลคือไม่มาเข้าเรียน ทั้งนี้ ยืนยันว่าสถาบันขอปฏิเสธทุกการกระทำของกลุ่มดังกล่าว

ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่า ในกลุ่มอาชญากรรมดังกล่าว มีผู้ร่วมขบวนการกว่า 84 รายนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายชื่อมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ายังคงมีสภาพเป็นนักศึกษาหรือไม่ หากได้รายชื่อดังกล่าวมาแล้ว ก็จะทำการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบมีความผิดเกี่ยวข้องกับองค์กรดังกล่าว ก็ต้องถูกลงโทษตามกฎระเบียบต่อไป

นอกจากนี้ ผู้บริหารของสถาบัน ยังระบุอีกว่า ที่ผ่านมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว ทางสถาบันไม่อนุญาตให้มีการรับน้อง โดยเฉพาะภายในพื้นที่มหาวิทยาลัย ซึ่งหากฝ่าฝืนก็ต้องได้รับบทลงโทษตามขั้นตอนคือ พักการเรียน 1 ภาคการศึกษา

ด้านกรณีที่มีภาพการทำกิจกรรมรับน้องตอนกลางคืนบนดาดฟ้าของสถาบัน ทางคณะผู้บริหารไม่ทราบเรื่อง แต่หากแอบไปกระทำกันที่อื่น เป็นเรื่องของนอกสถาบัน ซึ่งวิทยาลัยไม่มีทางก้าวก่ายได้

ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพบมีการปั๊มสัญลักษณ์ฟันเฟืองบนร่างกายของผู้ต้องหา จะเกี่ยวข้องกับสถาบันหรือไม่ ผู้บริหารของสถาบันยืนยันว่า สัญลักษณ์ของสถาบันเป็นดอกบัว ไม่ใช่ฟันเฟือง แต่ฟันเฟืองคือสัญลักษณ์ของวิศวะ

ส่วนมาตรการป้องกันในการก่อเหตุในลักษณะนี้ขณะนี้ทางสถาบันทั้งปทุมวันและอุเทนถวายได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมีการตรวจสอบนักศึกษาโดยแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมถึงป้องกันปัญหาในอนาคตโดยมีการตั้งกลุ่ม LINE ระหว่างสองสถาบันร่วมกัน

ส่วนมาตรการป้องกันของทางสถาบันเองขณะนี้ ทุกช่วงเย็นหลังเลิกเรียนแล้ว จะมีอาจารย์ไปส่งนักศึกษาด้านหน้าสถาบัน และส่งให้ขึ้นรถและกลับบ้านโดยเร็ว โดยแจ้งผู้ปกครองผ่านกลุ่ม LINE ว่าส่ง ณ จุดไหน เพื่อพร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในท้องที่รับช่วงต่อ หลังนักเรียนออกจากสถาบันไปแล้ว

นอกจากนี้ ผู้บริหารของสถาบันยังตัดพ้อต่อสื่อมวลชนว่า ข่าวในแง่ดีของสถาบัน เช่น นักศึกษาวิศวกรรมชนะแข่งวิศวกรรมหรือผลิตหุ่นยนต์ได้รางวัลชนะเลิศ กลับไม่เป็นข่าว แต่เมื่อมีเรื่องเพียงเล็กน้อย กลับโด่งดังไปทั้งประเทศ

ผู้บริหารของสถาบัน ยังบอกอีกว่า หลังจากนี้จะให้ฝ่ายนิติกรของสถาบัน เข้าไปดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับทุกคนที่แอบอ้างชื่อของสถาบัน ทำให้ได้รับความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียง ทั้งนี้ พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุ และแอบอ้างชื่อของสถาบัน เชื่อหากตำรวจใช้มาตรการเด็ดขาด กำหนดบทลงโทษที่ชัดเจน คดีในลักษณะนี้จะลดลงและหมดไปในที่สุด แต่หากทำคดีแบบไฟไหม้ฟาง นี่ก็ไม่ใช่เคสสุดท้าย