เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่สำนักงานทนายความใจดี จ.สงขลา ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความ ได้เปิดโต๊ะแถลงข่าว กรณีมีชื่อพาดพิงเสี่ยแป้ง นาโหนด ผู้ต้องหาหนีคดีว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี 2564 เริ่มได้ยินชื่อของ เสี่ยแป้ง ตามสื่อต่างๆ ตามข่าว แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว มารู้จักก็ต่อเมื่อมีชาวบ้านที่จังหวัดพัทลุง ร้องเรียนมาทางกลุ่มทนายใจดี ว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มหนึ่ง มีการบุกรุกเข้าไปในที่ดินของ เสี่ยแป้ง และมีการใช้อาวุธสงครามเข้าไปข่มขู่พนักงานและลูกจ้างที่อยู่ในบ้าน หลังจากนั้นตนก็เลยลงพื้นที่พัทลุงเข้าไปตรวจสอบ ว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งถ้าจำไม่ผิด เหตุการณ์ครั้งนั้น มีชาวบ้านรวมตัวกันกว่า 100 คน ไม่พอใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ

จากนั้นทางกลุ่มทนายใจดี ก็เลยดำเนินการพาชาวบ้านเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ ที่ สภ.เมืองพัทลุง ทำให้ได้รู้จักกับเสี่ยแป้ง และมีการช่วยเหลือกันในทางคดี ซึ่งมีทนายหลายคนเข้าไปช่วยเหลือในคดีนั้น จนภายหลังต่อมาทราบว่า อาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน หรือมีการขอโทษกันอะไรสักอย่าง และมีการถอนคำร้องทุกข์แล้วในคดีดังกล่าว แต่ยังไม่แน่ใจว่าเรื่องจัดส่งไปยังประชาชน จะมีการดำเนินการต่อหรือไม่ และไม่ได้เจอเสี่ยแป้ง แต่ก็อาจจะมีเจอกันบ้าง เวลาไปทำคดีที่พัทลุง รวมถึงได้แวะเจอ แวะคุยอาจทานข้าวกันบ้างเล็กน้อย

ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ กล่าวว่า ส่วนตำรวจที่เป็นคู่กรณีของเสี่ยแป้งนั้น เป็น พ.ต.ท. … แต่ตนไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็นหน้านายตำรวจนายนั้น แค่ได้ยินชื่อ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นใครหรือเป็นชื่อใคร ถ้ามีพฤติกรรมอย่างที่ว่า ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งตอนนั้นได้แจ้งความ ตำรวจนายนั้นกับพวก เพราะการกระทำในวันดังกล่าวนั้น ได้มีการไปกันหลายคนพร้อมอาวุธสงคราม และไปโดยไม่มีหมายค้น

ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ กล่าวว่า จากการที่ทีมงานได้มีการตรวจสอบ ทราบว่านายตำรวจนายนั้นเป็นตำรวจฝีมือดี ในแง่ของการปราบปราม มีผลงานการจับ และมีผู้ต้องหาที่ถูกลงโทษในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดมากมาย แต่ในส่วนของมุมคดีนี้ เรามองว่าถ้าหากเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำกับประชาชนอย่างนี้ หรือลุแก่อำนาจ ก็ถือว่าเข้าข่ายความผิด ก็เอาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หรือจะผิดหรือไม่ผิดอย่างไร เขาต้องพิสูจน์เอาเอง

ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องหนังสือที่มีนักโทษร่วมกันลงชื่อ และส่งมาให้นั้น ยังไม่มีความคืบหน้า และหนังสือนี้มีมาตั้งแต่ 2565 แล้ว จากนั้นตัวเองก็ได้เข้าไปเยี่ยมนักโทษที่เขียนหนังสือ พร้อมกับเพื่อนนักโทษอีกหลายคน เพื่อให้ยืนยันว่า รายชื่อและ ข้อความในหนังสือนั้น มีตัวตนจริง และเป็นข้อความที่เขียนขึ้นมาจริง จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเรื่องจริง และได้ส่งหนังสือไปยัง 10 หน่วยงาน แต่มีเพียงแค่ 2 หน่วยงาน ที่ทำหนังสือตอบรับมา ซึ่ง 2 หน่วยงานนั้นก็คือ สำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงาน ป.ป.ท. เท่านั้น

ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ กล่าวว่า ตั้งแต่เสี่ยแป้งหนีออกจากเรือนจำมา ตนก็รอคอยว่าเสี่ยแป้งจะติดต่อมา หรือจะโทรฯ มาหรือไม่ แต่ก็ไม่มีการติดต่อมา ตนในฐานะนักกฎหมาย การที่เสี่ยแป้งบอกว่าความยุติธรรมไม่มีจริง อาจจะเป็นมุมมองของเขา แต่ตนในฐานะกลุ่มทนายความใจดี และก็นักกฎหมาย ให้ความมั่นใจเลยว่าความยุติธรรมมีจริงๆ ให้เสี่ยแป้งกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม หากมีหลักฐานอะไร หรือชี้ช่องอะไรมา ทางตนก็จะช่วยเหลือเต็มที่ และหวังว่า ถ้าเขามีโอกาสกลับตัวกลับใจ ที่จะเข้ามาสู้คดี ก็ให้ติดต่อมา ตนก็จะพาไปมอบตัว ส่วนวิธีการมอบตัวนั้น ก็อาจจะไม่เป็นแบบทั่วไป ซึ่งวิธีการมอบตัวนั้นมีหลายวิธี และเราก็จะพาเขาไปมอบตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและรับว่าทุกคดี ถ้าหากเขาอยากให้เราช่วย เราก็จะช่วยเขาให้ถึงที่สุด