เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่เมื่อคืนนี้ นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรขอนแก่น หลังจากถูกศาลอนุมัติหมายเรียกใน 4 ข้อกล่าวหา โดยนายสมรักษ์ยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหานั้น 

รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า นายสมรักษ์ ควรให้การรับสารภาพ เพราะอาจเป็นเหตุบรรเทาโทษจากหนักเป็นเบาได้ เนื่องจากนายสมรักษ์ เป็นบุคคลมีชื่อเสียงและเคยทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ประกอบกับข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษสูง อีกทั้งพยานหลักฐาน ทั้งกล้องวงจรปิด และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เช่น สารคัดหลั่งต่างๆ ที่บ่งชี้ชัดเจนว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง และเด็กยังยืนยันว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศจริงทั้งที่ตนได้ขัดขืนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบสารคัดหลั่งจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะใช้ประกอบพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ส่วนกรณีที่โซเชียลมีเดียมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เด็กอายุ 17 ปี มีเจตนาหรือมีการวางแผนมาก่อนหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนต้องชี้แจงว่ากฎหมายคุ้มครองเด็กทั่วโลกนั้นเหมือนกัน คือไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ แต่การกระทำของผู้ใหญ่ถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดทั้งหมด และมองว่านายสมรักษ์ ควรรู้เรื่องนี้เพราะนายสมรักษ์ เองก็มีบุตรสาวเช่นกัน จะอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นเด็กไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องปฏิบัติไปตามหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกระบวนการยุติธรรมของไทยเป็นระบบกล่าวหา นายสมรักษ์ จึงยังมีสิทธิต่อสู้ข้อกล่าวหาได้ แต่ย้ำว่านายสมรักษ์ ควรรับสารภาพเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่เหมาะสม 

“สำหรับน้องชายของนายสมรักษ์ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาใน 2 ฐานความผิดนั้น เนื่องจากพบว่ามีการร่วมกันพาและพรากผู้เยาว์ โดยเป็นผู้ขี่จักรยานยนต์พานายสมรักษ์ และเด็กอายุ 17 ไปยังโรงแรม ทั้งยังเป็นคนส่งสัญญาณให้เด็กอายุ 17 เดินตามนายสมรักษ์ เข้าโรงแรมไปทั้งที่ไม่ใช่ที่พักของเด็ก” รอง ผบ.ตร. กล่าว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนสถานบันเทิงดังกล่าวได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแล้วว่าร้านดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำความผิดหรือไม่ และให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ประสานไปยังฝ่ายปกครองหรือผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว